วันนี้ (19 มกราคม 2556) เวลา 08.00 น. นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นางสาวศันสนีย์ นาคพงศ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายขวัญชัย วงศ์นิติกร อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ในฐานะของผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ กล่าวในรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชนผ่านสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์
ช่วงที่ 1
นายธีรัตถ์ รัตนเสวี (พิธีกร) : สวัสดีครับ นี่คือรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน วันนี้ผมธีรัตถ์ รัตนเสวี รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ เมื่อสักครู่ที่ผ่านมาท่านผู้ชมได้เห็นแล้วว่าปลายสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่นพร้อมคณะเดินทางมาเยือนประเทศไทย ทำไมประเทศญี่ปุ่นมาเยือนประเทศไทยเป็นอันดับต้น ๆ นอกจากนี้ยังคงมีเรื่องของผู้อพยพทางทะเลชาวโรฮิงยา รวมถึงการสู้คดีประสาทพระวิหาร ผู้ที่จะมาให้คำตอบกับเราได้ดีที่สุดคือท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ คุณสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล สวัสดีครับ
นายสุรพงษ์ฯ : สวัสดีครับ
พิธีกร : เรียนถามว่าทำไมญี่ปุ่นตัดสินใจเลือกประเทศไทยเป็นประเทศต้น ๆ ที่เดินทางมาเยือน เช่น นายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้รับตำแหน่ง
นายสุรพงษ์ฯ : ดูจากตัวเลขเมื่อปีแล้ว ผมได้เปรียบเทียบการลงทุนของประเทศญี่ปุ่นที่มาลงทุนในภูมิภาคนี้ ทั้งประเทศไทย ประเทศมาเลเซีย ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศฟิลิปปินส์ ประเทศสิงคโปร์ ปรากฎว่าประเทศญี่ปุ่นเลือกมาลงในประเทศไทยมากสุด ตัวเลขตั้งแต่เดือนมกราคม – เดือนพฤศจิกายน 2555 3.1 ล้าน หรือ 310,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขการลงทุนที่มากที่สุด นอกจากนั้นคนญี่ปุ่นที่มาอยู่ในประเทศไทยมากถึง 47,000 คน เมื่อเทียบกับประเทศอินโดนีเซีย ประเทศมาเลเซีย ประเทศฟิลิปปินส์ ประเทศเวียดนามและประเทศสิงคโปร์ คนญี่ปุ่นไปอยู่น้อยมาก อันนี้เป็นตัวที่ชี้ให้เห็นว่าประเทศญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับประเทศไทยเป็นอย่างมาก และโดยเฉพาะการลงทุนของประเทศญี่ปุ่นในประเทศไทย หลังจากที่เราได้แก้ไขปัญหาน้ำท่วมแล้วเสร็จ และจากนั้นรัฐบาลท่านนายกฯยิ่งลักษณ์ ได้ให้ความสำคัญในการที่จะบริหารจัดการน้ำเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดน้ำท่วมในอนาคต ซึ่งในขณะนี้อยู่ในระยะหว่างขั้นตอนที่บริษัทสั่งการ หรือเสนอตัวเข้ามา เราได้ใช้งบประมาณที่คาดการณ์ไว้ถึง 350,000 ล้านบาท ก็เป็นอีกตัวหนึ่งที่ทำให้ประเทศญี่ปุ่นเกิดความเชื่อมั่นว่าถ้าเขามาลงทุนให้ประเทศไทยแล้วคงจะไม่ประสบปัญหาภัยธรรมชาติอย่างนั้นอีก และเมื่อวานในการหารือท่านนายกฯญี่ปุ่นก็ได้พูดกับนายกฯยิ่งลักษณ์ว่าถ้าเป็นไปได้ เขาสนใจที่จะได้มีส่วนในการที่จะร่วมบริหารจัดการน้ำหรือมีโอกาสที่จะได้เข้ามามีส่วนร่วมในโครงการนี้
พิธีกร : คือโครงการน้ำที่เราจะทำ 350,000 ล้านบาท อาจจะเป็นพื้นที่ใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมที่ญี่ปุ่นอยู่มาก ๆ เช่น จังหวัดอยุธยา เป็นต้น คือประเทศญี่ปุ่นแสดงความจำนงค์ว่าถ้ามีการเปิดโอกาสให้ญี่ปุ่นจะเข้ามา
นายสุรพงษ์ฯ : ใช่ ถ้าเขามีโอกาสชนะการประกวดราคามันก็จะเป็นสิ่งที่สร้างความเชื่อมั่นในกับนักลงทุนญี่ปุ่นมากขึ้นอีก
พิธีกร : เหมือนกับว่าคนญี่ปุ่นทำแล้ว และอาจจะเชิญชวนคนญี่ปุ่นที่ยังไม่เคยลงทุนในประเทศไทยมาลงทุนอีก
นายสุรพงษ์ฯ : ก็เป็นสิ่งที่ดี และวันนี้ถ้าเราดูทางภัยธรรมชาติค่อนข้างที่จะรุนแรง ในพื้นที่ต่าง ๆ อย่างกรณีน้ำท่วมที่ประเทศอินโดนีเซีย ทางประเทศญี่ปุ่นเองก็เกิดแผ่นดินไหวอยู่ตลอดเวลา เขาก็มองหาแหล่งใหม่ที่จะมาตั้งนิคมอุตสาหกรรม หรือทำอุตสาหกรรมในประเทศนั้น ๆ และเขาก็มองว่าประเทศไทยเราเป็นศูนย์กลางของอาเซียน เรามีนโยบาย มีโครงการที่จะเชื่อมโยง เหนือ ใต้ ตก ออก เพื่อให้เป็นจุดศูนย์กลางของอาเซียนจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลไทย เราประกาศใช้เงินถึง 2 ล้านล้านบาทใน 5 ปีที่จะทำโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้เขาก็ยิ่งสนใจโดยเฉพาะรถไฟความเร็วสูง ซึ่งปรากฎว่าประเทศญี่ปุ่น ตอนที่ท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ไปเยือนก็ได้มีโอกาสไปนั่งรถไฟความเร็วสูงของประเทศญี่ปุ่นและท่านนายกฯ ได้มีโอกาสเห็นว่ามีสินค้า OTOP อยู่บนรถไฟ มีการตกแต่งรถไฟ
พิธีกร : จะมีการพัฒนาเป็นรถไฟ OTOP มีสินค้า OTOP มีไทยปิ่นโตที่เราได้เห็นตัวอย่าง
นายสุรพงษ์ฯ : ใช่ก็เป็นแนวคิด ซึ่งเราก็สามารถที่จะประสานร่วมมือกัน และเราก็อยากให้ทางญี่ปุ่นเสนอสิ่งที่ดีที่สุด โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและผลประโยชน์ต่าง ๆ และมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับคนไทยด้วย สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่ได้หยิบยกขึ้นมาพูดกัน และท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ กับ ท่านนายกฯ ญี่ปุ่นก็ได้พูดถึงความร่วมมือด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์คือหมายความว่าทางญี่ปุ่นเองเขาจะมาลงทุนในประเทศไทย เขาเกรงว่าการที่เราผลิตนักศึกษาหรือวิศวกรขึ้นมาไม่สามารถที่จะทำงานให้กับโรงงานของญี่ปุ่นได้ (โรงงานญี่ปุ่นในประเทศไทย)
พิธีกร : ได้มีการหารือว่าหลักสูตรที่เราจะฝึกอบรมบุคลากรทรัพยากรบุคคลที่จะโตเป็นหลักเศรษฐกิจของไทยนี้น่าจะมีการพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับโรงงานงานอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นที่จะมาลงทุนในประเทศไทย แสดงว่า 2 ประเทศอาจจะมีการหารือร่วมกันว่าควรพัฒนาหลักสูตรฝึกน้อง ๆ คนไทยให้สามารถไปทำงานโรงงานญี่ปุ่นได้ทันที
นายสุรพงษ์ฯ : ถึงขั้นอาจจะต้องเปิดโรงเรียนหรืออาชีวศึกษาร่วมกัน เช่นกรณีที่เราเปิดเทคโนโลยีไทย-เยอรมัน เราอาจจะมีไทย-ญี่ปุ่นขึ้นมาเป็นรูปแบบใหม่ และให้น้อง ๆ ที่จบอาชีวะสามารถจบแล้วสามารถออกมาทำงานได้เลย
พิธีกร : คือตอนนี้โรงงานญี่ปุ่นรอเราอยู่เลยก็เท่ากับว่าน้อง ๆ ที่จบมามีงานทำทันที อาจจะต้องมีการเรียนภาษาญี่ปุ่นเพิ่มเติมหรือว่าโนว์ฮาวที่ญี่ปุ่นใช้ด้วย เท่ากับว่าเด็ก ๆ ไทยก็เรียนรู้ว่าเทคโนโลยีญี่ปุ่นไปถึงไหนเป็นการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากญี่ปุ่นสู่ไทยด้วย อันนี้มีกำหนดการหรือไม่ว่าจะเห็นเมื่อไหร่
นายสุรพงษ์ฯ : เราก็เริ่มต้นให้เร็วที่สุดเพราะว่าวันนี้เรามีข้อตกลงหลาย ๆ เรื่องร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อวานได้มีการหยิบยกถึงเป้าหมายที่เราได้ประกาศตัวร่วมกับทางญี่ปุ่นว่าเราจะเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจร่วมกัน เรามีเป้าหมายว่าปีนี้ เรามีการค้าขายระหว่างกัน 65,000ล้านบาท ในปี 2560 เราจะให้มีการซื้อขายระหว่างกันถึง 100,000 เหรียญ ปีหนึ่งเพิ่มขึ้นสัก 10-20% เราก็มีเป้าหมายที่ตั้งไว้แล้ว และเราก็จะให้ความร่วมมือที่จะทำเป้าหมายนี้ให้สำเร็จไปได้ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ไม่ยาก และเราได้พูดถึงความร่วมมือทางทหาร ทางญี่ปุ่นเองเขาก็สนใจที่จะมาฝึกคอบบร้าโกลด์ที่ทางทหารได้มีการฝึกร่วมผสมระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศจีน ญี่ปุ่นเขาอยากจะมีส่วนร่วมในการฝึกอันนี้ และเขาก็พูดถึงการฝึกเพื่อป้องกันภัยพิบัติทางธรรมชาติด้วย ซึ่งจะอยู่ในโครงการคอบบร้าโกลด์
พิธีกร : คือการฝึกคอบบร้าโกลด์ไม่ใช่เพียงแค่เป็นการฝึกทางทหารแต่เพียงอย่างเดียวแต่ว่าปัจจุบันเราเห็นว่าโลกเปลี่ยนแปลงมีเรื่องของภัยธรรมชาติมากขึ้น เมื่อเกิดเหตุการณ์ทหารก็จะมีบทบาทในการไปดูแลเรื่องภัยธรรมชาติ ช่วยเหลือประชาชน เพราะฉะนั้นการฝึกคอบบร้าโกลด์ที่อาจจะมีทั้งประเทศไทย ประเทศอเมริกา ประเทศจีน ประเทศญี่ปุ่นเข้ามา บุคลากรทางทหารมีความเข้าใจของปัญหาภัยธรรมชาติด้วย
นายสุรพงษ์ฯ : ถูกต้อง เรามีการฝึกร่วมกัน ญี่ปุ่นให้ความสนใจ นอกจากนั้นทางญี่ปุ่นก็พูดถึงความมั่นคงทางทะเล ซึ่งเขาก็เป็นห่วงเรื่องทะเลจีนใต้ ซึ่งทางอาเซียนเองก็มีข้อพิพาทกับทางประเทศจีน ซึ่งเราบังเอิญเป็นประเทศผู้ประสานงาน เราก็สร้างความมั่นใจให้ทางญี่ปุ่นได้เข้าใจว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องภายในภูมิภาค และเราต้องการให้คู่พิพาทกันได้ตกลงกันพูดจากันโดยสันติ พูดถึงเรื่องในคาบสมุทรเกาหลี และสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ เราก็อธิบายเขาให้เกิดความเข้าใจที่ผมสนใจมากที่สุดเรื่องกรณีท่าเรือน้ำลึกทวายที่เมียนมาร์
พิธีกร : สรุปแล้วญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับภูมิภาคอาเซียนมากในการที่ทั้ง 10 ชาติรวมกันเป็นอาเซียน และการที่ไทยเป็นประเทศที่ญี่ปุ่นลงทุนมากที่สุด มีคนญี่ปุ่นอยู่มากที่สุด ถือว่าเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศที่เราไม่เคยมีนายกฯ ญี่ปุ่นเดินทางมาเยือนเกือบ 11 ปี
นายสุรพงษ์ฯ : ครั้งล่าสุดที่เยือนก็สมัยท่านอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร วันนี้เขากลับมาเยือนท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ถือว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดี เราจะได้ก้าวเดินกันต่อไป และโดยเฉพาะการที่นายกฯ ญี่ปุ่นได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งนายกฯ ญี่ปุ่นปลาบปลื้มมาก ซึ่งผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนและทั้งโลกชื่อชมพระองค์ของเรา และอีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องน้ำ พอดีที่จังหวัดเชียงใหม่จะจัด World Asia — Pacific Water Summit ที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นคนริเริ่มด้วย เราก็ได้เชิญท่านนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นมาประชุมร่วมที่เชียงใหม่ เป็นเจ้าภาพประมาณเดือนพฤษภาคม ซึ่งในงานนี้เราจะมีผู้นำหลาย ๆ ประเทศมา และจะมีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำโดยเฉพาะผู้ที่เสนอตัวเข้ามามีส่วนร่วมในการประมูลที่มีการดำเนินงานในขณะนี้ เขาจะต้องเอาโมเดลที่เขาออกแบบมาโชว์ให้คนได้เห็น ผมคิดว่าคนไทยจะได้รับประโยชน์กัน และคนที่มาดูก็จะได้เห็นแนวคิดของประเทศต่าง ๆ ที่ได้เสนอตัวเข้ามาแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในประเทศไทย
พิธีกร : เป็นงานใหญ่ในช่วงของกลางปีนี้ แต่ว่าปัญหาเฉพาะด้านที่เราพบในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาคือกลุ่มผู้ที่อพยพทางเรือชาวโรฮิงยา จุดยืนของรัฐบาลไทยในการที่จะดูแลผู้อพยพกลุ่มนี้เป็นอย่างไร
นายสุรพงษ์ฯ : ต้องเล่าให้ฟังแบบนี้ ที่จริงแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องของสภาความมั่นคงแห่งชาติ บังเอิญกระทรวงการต่างประเทศได้มีส่วนเข้าไปขอเชิญประชุมกัน เมื่อวันที่ 14 ที่ผ่านมา ในที่ประชุมก็ได้ข้อสรุปว่าเราต้องมองผู้อพยพชาวโรฮิงยาเป็นคนที่หลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายต้องตีความแบบนั้น และทุกอย่างก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมายไทย แต่การดูแลเบื้องต้นเราก็ตกลงกันได้ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงานก็จะใช้งบประมาณให้การสนับสนุนไปก่อนในระยะสั้น สำหรับระยะยาวนั้น เราก็ต้องมีการพูดคุยกันกับองค์กรระหว่างประเทศด้วยว่าเขาจะเข้ามามีส่วน มีบทบาทได้มากน้อยเพียงใด และของเราเองเราจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง ที่จะต้องพิสูจน์หรือแยกกลุ่มออกมาด้วยว่ากลุ่มนั้นจะมีโทษหรือไม่เป็นกลุ่มที่มีภัยต่อประเทศหรือไม่ เราต้องทำทุกอย่างตามขั้นตอน แต่ท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ก็ให้ความสำคัญ เรื่องนี้ก็บอกให้ทุกหน่วยงานดูแลให้ความสะดวก ให้การรักษาพยาบาลโดยยึดมนุยษยธรรมไว้ เขาเป็นผู้ตกยากลำบากมาในการที่จะผลักดันออกไปทันทีเลยนั้นคงไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการทำ เราต้องทำให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และให้ความสะดวกก่อน การที่จะให้สถานที่พักพิงนั้นเดี๋ยวคงต้องมาพูดคุย ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวานผมได้ประชุมภายในให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศติดต่อกับทางเลขาฯ สภาความมั่นคงแห่งชาติเพื่อที่จะร่วมประชุมกันอีกครั้งหนึ่งเพื่อที่จะวางท่าทีที่จะพูดคุยกับองค์กรระหว่างประเทศเพราะองค์กรระหว่างประเทศ มีอยู่หลายองค์กร อย่างองค์กรแรกคือองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน(IOM) และกาชาดสากล (ICRC) นอกจากนั้นยังมีสำนักงานค่าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ นอกนั้นยังมีองค์การยูนิเซฟก็มีหลาย ๆ หน่วยงานด้วยกัน ซึ่งก็ต้องพูดคุยกัน
พิธีกร : ดังนั้นในการดูแลพวกที่อพยพเข้ามา อย่างที่ท่านรองฯ ได้กล่าวตั้งแต่ตอนต้นว่าดูการใช้กฎหมายจำแนกเป็นเฉพาะกลุ่ม และก็ดูแลอย่างเต็มที่ก่อน มีการวิเคราะห์หรือจับตาดูว่าโรฮิงยาบางส่วนอาจจะเกี่ยวพันกับขบวนการค้ามนุษย์ เราจะมีการดูแลอย่างไรและป้องกันอย่างไรที่จะทำให้ไทยนั้นไม่เกี่ยวพันกับขบวนการค้ามนุษย์หรือมีการเฝ้าระวังอย่างเต็มที่
นายสุรพงษ์ฯ : เรื่องการค้ามนุษย์เป็นสิ่งที่รัฐบาลเราได้ให้ความสำคัญเดี๋ยวผมจะพูดถึงเรื่องการค้ามนุษย์ที่เราโดนกล่าวหาจากสังคมโลกจนเราอาจจะต้องตกระดับ ที่ทางอเมริกาออกมาว่าอยู่ในระดับ 2 เฝ้าระวังหรือระดับ 3 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกกุ้ง สิ่งทอ หรืออื่น ๆ ที่เราไปขายในประเทศยุโรปหรือในอเมริกา เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เราระมัดระวัง เพราะฉะนั้นเราต้องแยกแยะออกและวันก่อนบังเอิญผมเจอกับทางผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองก็ได้มีโอกาสกราบเรียนท่านไปว่าขบวนการที่ดำเนินการเรื่องค้ามนุษย์ เราจะต้องปราบให้หมดและกรณีที่มีชาวโรฮิงยากลุ่มนี้เข้ามาปรากฎว่าคนที่ให้สถานที่พักพิงหรือตามที่เขาให้ข่าวว่ามีการใช้รถขนอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เหล่านี้ ซึ่งมันอาจจะเข้าข่ายเป็นการค้ามนุษย์ เพราะเขาไปเรียกเงินจากเขาและนำเข้าไปกักขังไว้ เราก็ต้องดูเรื่องเหล่านี้ด้วย
พิธีกร : เมื่อกลางสัปดาห์ท่านได้พาทูตหลายสืบชาติไปดูศูนย์ที่จะจับตาดูการค้ามนุ๋ษย์ด้วยว่าเป็นอย่างไรบ้าง
นายสุรพงษ์ฯ : เรื่องมาเริ่มแบบนี้ตอนที่ผมเข้ามารับตำแหน่ง เมื่อปีแล้วผมก็ไปเยือนอเมริกาอย่างเป็นทางการ ในขณะที่ผมไปเยือนเราก็ได้ยื่นรายงานฉบับหนึ่งเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ไปให้กับองค์ที่ดูแลเรื่องการค้ามนุษย์ส่งไปให้เขา และในเอกสารฉบับนี้จะพูดถึงแผนปฏิบัติการในการที่จะปราบปรามการค้ามนุษย์ การใช้แรงงานเด็ก การทารุนกรรมแรงงานต่าง ๆ ที่ประเทศไทยเราถูกโจมตีมาตลอดเวลาว่าเราใช้แรงงานเด็ก กดขี่ ทำให้กุ้งของเราขายในต่างประเทศได้ถูก เพราะเราใช้แรงงานราคาต่ำก็เป็นสิ่งที่เขาบอกมาว่าถ้าเราไม่แก้ไขปีหน้าถ้าเขาปรับระดับลง ระดับที่ 2 และเฝ้าระวัง ซึ่งเป็นมา 2 ปีแล้ว พอผมมาปีที่ 3 ผมก็ไปขอท่านฮิลลารี่ คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ว่าเนื่องจากรัฐบาลนี้เพิ่งเข้ามารับงานใหม่ขอเวลาให้รัฐบาลได้พิสูจน์ตัวเอง เราจะดำเนินการตามรายงานที่เรายื่นไปตามแผนการต่าง ๆ ซึ่งท่านก็ตกลงว่ายินดีที่จะช่วยไม่ให้ปรับระดับลง เราก็อยู่ในระดับ 2 เฝ้าระวัง 3 ปีติดต่อกัน ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน ผมได้ไปเชิญทูต 20 กว่าประเทศ โดยเฉพาะทูตอเมริกา ท่านก็ให้ความเมตตามาร่วม ทูตอังกฤษ ทูตเยอรมัน ทูตฝรั่งเศล ทูตฮังการี่ หลาย ๆ ประเทศก็ไปกันวันนั้น ก่อนไปผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนปัจจุบัน ท่านดำเนินการเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ท่านมีศูนย์ปฏิบัตการของท่านอย่างไร ท่านก็นำเสนอ และมีการวีดิโอลิงค์เข้ามาหลาย ๆ จังหวัดเพื่อที่จะมีการสั่งการกันได้ให้เขาได้เห็นภาพ และทุกอย่างเป็นรูปธรรมหมด จากนั้นเราก็ไปดูกันที่พื้นที่จริง
พิธีกร : พอพูดถึงอาเซียนที่เป็นประเทศเพื่อนบ้านเราอย่างเมียนมาร์ อีกประเทศหนึ่งคือกัมพูชาข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชาเรื่องพื้นที่เขาพระวิหาร 15 เมษายนนี้ เราอาจจะได้เห็นคำสั่งของศาลอย่างทางกระทรวงการต่างประเทศเตรียมการอย่างไรไว้บ้างในการต่อสู้
นายสุรพงษ์ฯ : ต้องแก้เล็กน้อยว่าวันที่ 15 เมษายน ยังไม่มีคำตอบคือวันที่ 15-19 เมษายน เราจะต้องไปสู้คดีในลักษณะที่ทุกคนทนายก็พูดให้ศาลผู้พากษาฟังทั้งสองฝ่าย 4 วัน ไทยหนึ่งวัน กัมพูชาหนึ่งวัน อีกวันหนึ่งก็ไทย อีกวันก็กัมพูชา 4 วัน จากนั้นศาลก็จะไปนั่งพิจารณากันเองไปคุยกันประมาณ 6 เดือน ประมาณเดือนตุลาคมช่วงปลายปีก็จะมีคำตัดสินออกมา การเตรียมการเริ่มตั้งแต่ต้น พอเรื่องนี้เข้าสู่ศาลทีมทนายที่ตั้งขึ้นมาก็ตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว เขาก็ได้ว่าจ้างทีมทนายขึ้นมา โดยฝรั่งซึ่งในโลกนี้มีอยู่ 50 คนที่เก่งทางด้านนี้ เราก็จ้าง 3 คน กัมพูชาก็จ้าง 3 คน ส่วนหัวหน้าทีมทนายเราใช้ท่านทูตวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก เป็นหัวหน้าทีมทนาย แต่สำหรับทางกัมพูชาเขาก็ใช้ท่านนายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศราชอาณาจักรกัมพูชา เป็นหัวหน้าทีมทนาย เป็นมาแบบนี้ตั้งแต่รัฐบาลที่แล้วเรื่อยมา พอรัฐบาลผมเข้ามารับก็ต้องใช้คณะเดิม เพราะเขาได้ศึกษาเตรียมข้อมูลต่าง ๆ มาตลอดรู้เรื่องดีทั้งหมดก็ไม่มีการเปลี่ยน ปีที่แล้วมีการนำเสนอเป็นเขียนจดหมายไปส่ง และศาลก็รับไป ก่อนไปทุกครั้งก็จะต้องมีการประชุมทีมกฎหมาย คณะทำงาน และไปอธิบายให้ท่านนายกฯ ฟัง ให้ทีมกฎหมายของท่านนายกฯ ได้รับทราบด้วย และมีข้อเสนอแนะอะไรไป ทีมกฎหมายของเราที่เป็นฝรั่งก็จะทำสิ่งเหล่านั้นไม่ว่าทางทหาร กระทรวงกลาโหมก็เช่นกันก็ให้ข้อมูลเขามาด้วย ซึ่งทุกฝ่ายให้ข้อมูลเขามาหมด ทางนี้ก็ไปดูรูปคดีที่จำเป็นต้องสู้ ครั้งนี้ก็เช่นกันเราก็มีการประชุม 2-3 ครั้งแล้วเพื่อที่จะวางท่าทีให้กับทีมทนายที่จะไปสู้ในวันที่15-19 เมษายน และตอนนี้ได้ข้อสรุปอีกว่าวันที่ 5 กุมภาพันธ์ หัวหน้าทีมทนายก็จะมาอธิบายให้กับทาง พลอากาศเอก สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และท่านนายกฯ จะนั่งเป็นประธานฟัง และมีกระทรวงการต่างประเทศ กฤษฎีกา อีกรอบหนึ่ง และจากนั้นวันที่ 7-9 กุมภาพันธ์ ท่านพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งท่านเป็นนักกฎหมาย ท่านก็จะพาอีกทีมกลับไปคุยกับทีมฝรั่งอีกรอบหนึ่ง จากนั้นทีมฝรั่งก็จะได้ข้อสรุปท่าทีที่ชัดเจนว่าจะเสนออะไรก็นำกลับเข้ามาที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ในปลายเดือนมีนาคม หรือต้นเมษายน ผมกระทรวงการต่างประเทศก็จะเสนอท่าทีนี้เข้า ครม.เพื่อขออนุมัติแนวทางที่จะนำไปสู้ในชั้นศาล จากนั้นอนุมัติเสร็จ เขาก็เตรียมการเดือนเมษายน วันที่ 15 ผมก็จะนำคณะไป คราวนี้ก็จะพาสื่อมวลชนไปด้วย เพราะว่าจะได้เสนอข่าวในทิศทางเดียวกัน หรือจะได้เข้าใจตรงกัน เราได้เตรียมไว้หมดแล้วและบางเรื่องก็ไม่สามารถพูดได้เพราะอย่างผมออกรายการวันนี้ทางกัมพูชาเขาก็เห็น ถ้าผมไปเล่ามากเขาก็จะเห็นแนวทางการต่อสู้ของเราต้องเล่าแค่นี้
พิธีกร : อยากให้คนไทยเข้าใจอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องปราสาทพระวิหาร
นายสุรพงษ์ฯ : ผมจัดเตรียมไว้หมดแล้วครับ จะมีสารคดีออกมา มีการชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจโดยผ่านกระบวนการไปยังท่านผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ลงไปยังกำนัน ผู้ใหญ่บ้านไปถึงหมู่บ้าน และยังมีเอกสารประกอบไปให้ทุกท่านเข้าใจ นอกจากนั้นจะมีการฉายเรื่องความเป็นมา ทุกอย่างเล่าชัดเจนเพราะวันนี้เราต้องเข้าใจตรงใจ และในที่สุดเกิดผลออกมาอย่างไรเราก็ต้องนำเสนอว่า ถ้าผลออกมาเราจะปฏิบัติแบบนี้ เราไม่ปฏิบัติจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ถ้าเราปฏิบัติจะเป็นอย่างไรก็ต้องให้คนไทยเข้าใจตรงกัน เพราะฉะนั้นผมไม่อยากเห็นว่าตอนนี้มีบางกลุ่มออกมาใช้เป็นประเด็นทางการเมือง เรียกร้องปลุกระดมให้เกิดความคลั่งชาติหรือรักชาติจนมากเกินไปแบบคราวที่แล้ว ในที่สุดก็ต้องรบกัน และคนที่อาศัยอยู่ในบริเวณแนวชายแดนนั้นเขาก็ได้รับความเดือดร้อน เพราะคนที่ไปเรียกร้องก็ไม่ได้อยู่บริเวณนั้น พอเรียกร้องเสร็จก็กลับไปนอนบ้านตัวเอง ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้มันหมดยุคแล้ว ผมคิดว่าวันนี้สื่อต่าง ๆ เข้าใจและเชื่อว่าการที่สื่อให้ความสนใจมาตั้งแต่ต้นปีก็เป็นสิ่งที่ดีสังคมไทยต้องอยู่ได้ด้วยเหตุด้วยผล และเรากับกัมพูชายังไงเราก็ต้องอยู่กับเขาต่อไป โอกาสที่จะเกิดแผ่นดินไหว หรือแยกดินแดนไทยกับกัมพูชาคงไม่เกิดขึ้น
พิธีกร : และยิ่งเราจะรวมกันเป็นประชาคมเศรษฐกิจด้วยการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันไม่ใช่แค่ไทยกับกัมพูชาแต่ว่าทุกชาติในอาเซียน
พิธีกร : ครับ ขอบคุณท่านรองนายกรัฐมนตรีมากครับ ท่านรองนายกรัฐมนตรีสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ได้เล่าให้เราฟังครับว่าประเทศไทยในขณะนั้นได้มีการดำเนินนโยบายอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนทุกประเทศ นั้นเองทำให้ประเทศญี่ปุ่นนั้นเดินทางมาเยือนประเทศไทยเป็นลำดับต้น ๆ หลังจากที่นายกฯอาเบะ นั้นได้รับตำแหน่ง นอกจากนี้รัฐบาลยังได้มีการเตรียมการในการที่จะไปสู้คดีเรื่องเขาพระวิหารแล้วในช่วงเดือนเมษายนนั้นก็คงจะได้เห็นกันว่าจะมีแนวทางอย่างไร แต่ว่าทุกคนควรจะมีความเข้าใจร่วมกันและท้ายที่สุดแล้วการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำให้ประเทศชาตินั้นเติบโตไปได้อย่างเข้มแข็งด้วย ช่วงนี้พักกันสักครู่ก่อนนะครับ ช่วงหน้ากลับมาคุยกันเรื่องกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีครับ
ช่วงที่ 2
พิธีกร : กลับสู่ช่วงที่ 2 ของรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชนนะครับ มีคำถามว่าขณะนี้กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีมีความคืบหน้าแค่ไหนอย่างไรแล้วบ้าง เรามาสอบถามสองท่านครับ ท่านแรกท่านศันสนีย์ นาคพงศ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และท่านที่สองคุณขวัญชัย วงศ์นิติกร อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ในฐานะของผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ สวัสดีทั้งสองท่านครับ
นางสาวศันสนีย์ฯ : สวัสดีค่ะ
นายขวัญชัยฯ : สวัสดีครับ
พิธีกร : เรียนถามท่านรัฐมนตรีฯ ก่อนครับว่าเห็นว่ามีการประชุมล่าสุดของกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีเป็นอย่างไรบ้างครับ
นางสาวศันสนีย์ฯ : การประชุมที่เพิ่งผ่านไปล่าสุดนั้นเป็นการประชุมคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ ครั้งที่ 3 ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีความคืบหน้าหลายประการที่มีการมารายงานให้ที่ประชุมได้ทราบและมีการพิจาณาในเรื่องสำคัญ ๆ หลายเรื่อง
พิธีกร : โดยในการพิจาณาในครั้งนี้เห็นว่ามีการแต่งตั้งที่ปรึกษาเพิ่มเติมด้วย
นางสาวศันสนีย์ฯ : ใช่ค่ะ เรามีที่ปรึกษาซึ่งเป็นคนมีความสามารถ มีประสบการณ์ วันนี้คือคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ก่อนหน้านี้ก็จะมีคุณปวีณา หงสกุล
พิธีกร : ซึ่งจากตรงนี้เองมีการติดตามความคืบหน้า ท่านนายกรัฐมนตรีมีการสั่งการหรือเน้นย้ำเรื่องใดเป็นพิเศษไหมครับว่า คณะกรรมการจะต้องเดินหน้าเรื่องใดบ้าง
นางสาวศันสนีย์ฯ : ท่านนายกฯ เองก็เน้นย้ำให้วัตถุประสงค์ของกองทุนนี้ ซึ่งต้องการที่จะช่วยทำให้สตรีไทยนั้นได้พัฒนาในเรื่องของโอกาสที่จะสร้างรายได้ อาชีพ ในเรื่องของการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของสตรีในเรื่องพัฒนาศักยภาพ รวมไปถึงให้เครือข่ายได้เข้ามามีบทบาทในการร่วมดูแลผู้หญิง เรื่องของผู้หญิงด้อยโอกาส และเรื่องพัฒนาศักยภาพภาวะผู้นำของผู้หญิงด้วย
พิธีกร : เรื่องของกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงมีการพูดถึงด้วยไหมครับ
นางสาวศันสนีย์ฯ : ท่านนายกฯ ให้ความสำคัญมาก ให้ความสำคัญเรื่องความเสมอภาค ความทัดเทียม เรียกว่าครอบคลุมเลยก็ว่าได้ในเรื่องของผู้หญิงที่ควรจะได้รับ
พิธีกร : แสดงว่าอีกไม่นาน บทบาทของกองทุนนี้จะไม่ใช่เพียงแค่กองทุนที่ไปช่วยผู้หญิงมีอาชีพอย่างเดียว แต่กำลังพูดถึงการพัฒนาศักยภาพ การพัฒนาชีวิตความเป็นของผู้หญิงโดยรวมทั้งหมด
นางสาวศันสนีย์ฯ : ใช่ค่ะ เรื่องคุณภาพชีวิตด้วย
พิธีกร : ซึ่งทางท่านอธิบดีในฐานะเป็นผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ มีบทบาทอย่างไรบ้างในการที่จะลงไปยังจังหวัดต่าง ๆ ขณะนี้จังหวัดต่าง ๆ มีความเข้าใจเกี่ยวกับกองทุนนี้มากน้อยแค่ไหนแล้วครับ
นายขวัญชัยฯ : โดยหลักการ ทางผมในฐานะผู้อำนวยการสำนักกองทุนฯ ก็ได้รับบัญชาจากท่านรัฐมนตรี เนื่องกองทุนสตรีมีกองทุน มีคณะกรรมการอยู่ในระดับจังหวัด ระดับตำบล แต่อำเภอไม่มี ตำบลจะคิดแผนงานและโครงการขึ้นมา มีกรรมการซึ่งมาจากผู้ทรงคุณวุฒิก็ดี มาจากการเลือกตั้งตามหมู่บ้าน คณะกรรมการจังหวัดก็จะเป็นผู้พิจารณาอนุมัติ เงินที่เราส่งไปก็จะไปอยู่กับคณะกรรมการจังหวัด กลุ่มสตรีถ้าเป็นกรณีบุคคลธรรมดาก็ 5 คนรวมกันเป็นกลุ่มเพราะท่านนายกฯ อยากให้ต่อยอดว่าการพัฒนาสร้างงาน สร้างอาชีพ รายได้นั้นให้สามารถที่จะไปต่อยอดงานอาชีพเพิ่มรายได้ ส่วนถ้าเป็นองค์กรก็ยื่นได้เลย เป็นองค์กรสตรีที่ขึ้นบัญชีไว้กับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์สามารถยื่นได้เลย ถามว่าเขาได้มีความรู้เรื่องนี้หรือยัง เราก็มีการอบรมสัมมนาโดยท่านรัฐมนตรีฯ ศันสนีย์ ในระดับจังหวัดประมาณ 1,500 กว่าคน ให้เข้าใจถึงวัตถุประสงค์ การจัดตั้งกองทุนมีเป้าหมายอย่างไร ส่วนระดับตำบลเรากำลังมีการอบรมอยู่ ตำบลละ 5 คน เพื่อเข้าใจบทบาทตระหนักในความเป็นสตรี เพราะท่านนายกรัฐมนตรีหวังว่าผู้หญิง 33 ล้านคนนั้น ถ้าออกมาพัฒนาประเทศจะเป็นพลังที่มหาศาลและเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ เราไม่ควรจะปล่อยให้การพัฒนาประเทศของเราขึ้นอยู่กับแค่ 2 - 3 ล้านคน แต่ถ้าออกมา 20 – 30 กว่าล้านนั้น จะพัฒนาบ้านเมืองได้ยิ่งใหญ่มาก
พิธีกร : ตอนนี้คืออยู่ในระหว่างการทำความเข้าใจในส่วนของตำบลเพราะเห็นว่าการประชุมของจังหวัดเสร็จหมดแล้ว ใช้เวลามากน้อยแค่ไหนที่จะให้ความรู้หรือการอบรมของส่วนตำบลจะแล้วเสร็จ
นางสาวศันสนีย์ฯ : เหลืออีกประมาณ 155 รุ่น เข้าใจว่าภายในเดือนกุมภาพันธ์น่าจะแล้วเสร็จ แต่อย่างไรก็ตามอยากจะให้เห็นความคืบหน้าของกองทุนนี้ ถึงในบางจังหวัดที่มีความพร้อมคืออบรมครบถ้วนแล้วทั้งในส่วนของตำบลและจังหวัดก็สามารถที่จะอนุมัติเงินในส่วนที่เราได้อนุมัติลงไปก่อนเป็นก้อนแรกเมื่อเดือนกรกฎาคมได้ จะมี 9 จังหวัดที่อนุมัติในส่วนของเงินอุดหนุนลงไปแล้วและ 20 จังหวัดที่อนุมัติเงินในประเภทหมุนเวียน
พิธีกร : เงิน 2 ประเภทแตกต่างกันอย่างไรบ้างครับ อุดหนุนกับหมุนเวียน
นางสาวศันสนีย์ฯ : อุดหนุนก็ให้ไปเลยในโครงการตามวัตถุประสงค์
พิธีกร : คือโครงการเหล่านั้นจะต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการตำบลและจังหวัดมาเรียบร้อยแล้ว
นางสาวศันสนีย์ฯ : ในส่วนของเงินหมุนเวียนคือว่าให้เอาไปสำหรับสร้างรายได้ สร้างอาชีพ เสร็จแล้วก็นำมาคืนตามกำหนดระยะเวลา
พิธีกร : ซึ่งได้มีการไปติดตามไหมครับว่า จังหวัดบางจังหวัด 9 จังหวัดแรกที่ได้มีการให้ทั้งเงินอุดหนุนไป เงินหมุนเวียนไปทางท่านอธิบดีได้ไปสอบถามไหมครับว่าจังหวัดเหล่านั้นที่เขาได้เงินไปแล้ว โคงการเป็นอย่างไรบ้าง
นายขวัญชัยฯ : อย่างที่เราไปสำรวจตรวจสอบมาจะเห็นว่าเงินหมุนเวียนเป็นกองทุนหมุนเวียนนั้นเป็น 80% 80% คือให้สมาชิกได้กู้ยืมเงินไปต่อยอด เราไปดูมานั้น 1,427 โครงการ โดยการให้ผู้ตรวจกรม ผู้ตรวจกระทรวงมหาดไทยไปดูสำรวจมานั้น เรารู้ว่าเขากู้ยืมเงินไปทำด้านการเกษตร พัฒนาอาชีพทางด้านการเกษตร 659 โครงการ ด้านอุตสาหกรรม 21 โครงการ จะเห็นว่าเงินลงไปที่ชนบทจะเป็นภาคเกษตรมากกว่า และด้านพาณิชย์บริการนั้น 132 ด้านคหกรรม 300 กว่า ศิลปกรรม 5 โครงการ ในจำนวน 1,400 กว่าร้านที่ลงไป 20 ร้านแรกของทุกจังหวัดเขาเอาไปทำให้เกิดประโยชน์จริง ๆ ในเงิน 80% คือการพัฒนาอาชีพ สร้างเงิน สร้างรายได้ ส่วนในเงิน 20% ที่ท่านรัฐมนตรีว่านั้นเอาไปพัฒนาศักยภาพสตรี ไปแก้ปัญหาสตรีผู้ด้อยโอกาสที่ถูกทำลาย ค้ามนุษย์หรืออะไรต่าง ๆ หรือจะเอาไปทำอย่างไรก็ได้ที่ช่วยทำให้มีความเข้มแข็ง มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีอาชีพ มีรายได้ที่ดีขึ้นนั้นคือเงิน 20% ส่วน 80% นำไปหมุนคือเอาไปทำแล้วต้องนำมาคืนภายใน 2 ปี ไม่ใช่เอาไปแบ่งกันไม่ใช่ ท่านนายกฯ จะเชื่อมข้อมูลตรงนี้มาทางท่านรัฐมนตรีฯ ศันสนีย์ เลยว่าใครเอาโครงการไปทำอะไร อย่างไร หน่วยลูกจ้างที่เราส่งก็จะพิมพ์ข้อมูลมาทั้งหมดเพราะฉะนั้นส่วนกลางจะรู้เรื่องการเคลื่อนไหวของเงินกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีได้อย่างชัดเจน
พิธีกร : ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่บางจังหวัดได้เริ่มไปแล้ว แสดงว่าถ้าทุกจังหวัดได้มีการอบรมเสร็จเรียบร้อย เงินลงไปหมดเรียบร้อย ทุกคนก็จะมีส่วนร่วมในการที่จะก่อให้เกิดกิจกรรม โครงการใหม่ ๆ มากมายซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประเทศโดยรวมด้วย
นางสาวศันสนีย์ฯ : ใช่ค่ะ คือตอนนี้เราคิดว่าเป็นห้วงเวลาสำหรับในพื้นที่ยังอาจอบรมคณะกรรมการในระดับตำบลไม่ครบ ก็อาจจะคิดกันว่าจะทำโครงการไหนดี
พิธีกร : คือระหว่างนี้คิดโครงการกันได้แล้ว
นางสาวศันสนีย์ฯ : ใช่ค่ะ และเราคิดว่าการที่จะทำให้เกิดประโยชน์ขึ้นมาก็อยู่กับตัวท่านสมาชิกทั้งหลายด้วยที่จะมีความจริงจัง อย่างไรก็ตามเราก็มีความคิดที่จะให้กระบวนการในการเรียนรู้กับท่านทั้งหลายมีโอกาส อาจจะเป็นโอกาสถัด ๆ ไปที่มีการเสนอในที่ประชุมครั้งนี้ด้วยเช่น อาจจะเอาการเรียนรู้ผ่านทางสื่อ เพื่อที่จะให้มีทางเลือกมาก ๆ ว่าเราจะทำอะไรดีอย่างนี้เป็นต้น
พิธีกร : มีการติดตามประเมินผลอย่างไรบ้างครับท่านอธิบดีฯ ว่าโครงการต่าง ๆ ที่ได้เริ่มดำเนินการไปแล้วทั้งเงินอุดหนุนแล้วก็เงินหมุนเวียนที่ลงไปในช่วงแรกเบื้องต้น
นายขวัญชัยฯ : ในเบื้องต้นเรามีทีมงานที่จะเข้าไปประเมินผลจากการดำเนินงาน เป็นเรื่องธรรมดาที่กองทุนเพิ่งเริ่มจะเปิดเริ่มจะหมุนเวียน แต่เราก็จะมีคณะกรรมการสนับสนุนและติดตามที่อยู่ในจังหวัด 1 ชุด จะคอยไปให้คำปรึกษาแนะนำและคอยดูหมุนเวียน ถ้าระบบ Transfer (ส่งต่อ) เขาภายใน 2 ปี บางแห่งเขาก็จะคืนภายในแต่ละเดือนเลย บางกลุ่มก็หนึ่งปีคืนครั้ง แต่บางกลุ่มเขาเอาไปเขาก็คิดว่าเดือนเดียวเขาคืนได้ ถ้าเกิดการหมุนเวียนของเงินและดูจากประเภทของโครงการที่ออกมาในลักษณะที่สร้างสรรค์ไม่ได้เป็นเช่น จัดนำเที่ยว แบ่งเงินกัน แบ่งกู้แบบนี้ เราก็จะรู้ว่าโครงการนี้ประสบความสำเร็จได้และในคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ เขาตั้งคณะกรรมการประเมินผลขึ้นมาอีกหนึ่งชุดโดยมีท่านปลัดสำนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีเลขาธิการ ก.พ. (สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน) ก.พ.ร. (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ) เขาจะมีชุดนี้ออกไปประเมินผลทั้งหมดให้ว่าภาพรวมทั้งหมดนี้เป็นอย่างไร ผมเชื่อว่าถ้าสตรีร่วมมือกันอย่างจริงจังจะเป็นพลังที่สำคัญในการพัฒนาบ้านเมืองได้อย่างมหาศาล เพราะสตรีเป็นคนที่ละเอียดอ่อน ตั้งใจ มีความรักครอบครัว อบอุ่น และอยู่ในสังคมชนบทมานาน และสำคัญก็คือสืบทอดภูมิปัญญาได้ดีมาก
พิธีกร : เราจะมั่นใจได้อย่างไรครับว่าเงินที่ลงไปนั้น ลงไปใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสมตามที่การรวมกลุ่มของสตรี 5 คนเหล่านั้นได้มีการยื่นเสนอต่อคณะกรรมการทั้งตำบลและจังหวัด
นางสาวศันสนีย์ฯ : ต้องเรียนว่ามันมีกรอบของระเบียบที่วางเอาไว้ อันนี้เป็นระดับหนึ่งที่เป็นกฎกติกา แต่อย่างไรก็ตามในจังหวัดเรามีคณะกรรมการที่เรียกว่าติดตามและสนับสนุน ซึ่งอยู่ในพื้นที่เลยมีทั้งในส่วนของราชการ ภาคเอกชน และผู้ทรงคุณวุฒิ ในแต่ละที่มี 15 คน
พิธีกร : ในแต่จังหวัดก็จะมีเลยเพราะฉะนั้นก็จะดูเขาอย่างใกล้ชิดว่าโครงการที่ได้อนุมัตินั้นจะเป็นอย่างไร และดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่เขียนมาหรือไม่
นางสาวศันสนีย์ฯ : อย่างไรก็ตามดิฉันเข้าใจว่าในยุคนี้เป็นยุคที่ประชาชนมีส่วนร่วมมาก เราก็ต้องช่วยกันดูแลกันเองด้วยเพราะว่ารัฐบาลเองก็มุ่งหวังที่จะให้เงินของกองทุนนี้ได้รับการใช้ตามวัตถุประสงค์จริง ๆ
พิธีกร : ถึงขณะนี้มีสตรีมาสมัครเป็นสมาชิกแล้วประมาณเท่าไหร่ครับ
นายขวัญชัยฯ : 11 ล้านเศษ
พิธีกร : 11 ล้านเศษ จริง ๆ แล้วมี 11 ล้าน อย่างที่ท่านอธิบดีบอก
นางสาวศันสนีย์ฯ : เปิดรับเรื่อย ๆ ค่ะ
พิธีกร : คือสมาชิกกองทุนบทบาทสตรีไม่ได้ปิดรับใช่ไหมครับ
นายขวัญชัยฯ : ไม่ได้ปิดครับ
พิธีกร : บางคนอาจจะเป็นเด็กครับ
นายขวัญชัยฯ : เป็นเด็กเรียนหนังสือ ยังไม่มีวุฒิภาวะก็ยังไม่อยากเข้ามาก็จะไปเข้าในรูปขององค์กร สมาคมต่าง ๆ แบบนี้ได้
นางสาวศันสนีย์ฯ : บางท่านก็อาจจะไม่ต้องการใช้ในส่วนนี้ เพราะว่าสามารถที่จะพึ่งพาตอนเองได้
พิธีกร : แต่ว่าโครงการที่พอสตรีได้ไปรวมกลุ่มทำกันแล้ว คณะกรรมการประเมินผลหรือคณะกรรมการจังหวัดเห็นว่ามีศักยภาพดี เราจะช่วยกันต่อยอดเขาอย่างไรครับ
นางสาวศันสนีย์ฯ : ท่านนายกฯ ให้ความสำคัญในเรื่องนี้มากว่าเราจะมีส่วนของการพัฒนาต่อยอดยิ่ง ๆ ขึ้นไป
พิธีกร : โดยการทำอย่างไรบ้างครับ คือว่าอาจจะเหมือนกับ OTOP ไหมครับว่าตอนแรกเริ่มกันแค่ 5 คน หลังากนั้นอาจจะเอาหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องลงมา
นางสาวศันสนีย์ฯ : คือมีแนวความคิดหลายอย่างเหมือนกับว่าจะให้เกิดการคล้าย ๆ กับประกวด ดิฉันขอใช้คำนี้ไปก่อนในระยะยาวจะใช้อะไรค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง เพื่อที่จะให้เห็นว่าโครงการนี้มีศักยภาพและจะได้พัฒนาต่อ ๆ ไป หรือแข่งขันกันอยู่ในทีม หรือพัฒนาศักยภาพของผู้หญิง ท่านนายกฯ ก็มุ่งเน้นเหมือนกับว่าหากมีการได้คัดสรรท่านทั้งหลายเหล่านี้มาสนับสนุนยิ่งขึ้นไปเป็นในระดับของตำบล อำเภอ จังหวัด ประเทศ และอาจจะไปต่อถึงระดับนานาชาติ
พิธีกร : ซึ่งอาจจะมีถึงขั้นดึงทั้งสถาบันการเงินของรัฐ เอกชน หน่วยงานต่าง ๆ เข้ามา
นางสาวศันสนีย์ฯ : ค่ะ วันนี้มีการพูดถึงเรื่องนี้ด้วยเพราะว่าเป็นนโยบายของกองทุนว่าเราจะไม่ทำงานเพียงลำพัง เพราะว่าเราอยากให้ผู้หญิงได้รับการสนับสนุนในทุกด้าน ดังนั้นในเรื่องของเครือข่ายไม่ว่าจะเป็นทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ถ้าหากว่ามีวัตถุประสงค์เดียวกัน โดยเฉพาะอย่างเอกชนขณะนี้องค์กรเขาก็นิยมทำ CSR ที่จะเป็นการตอบแทนสังคมโดยองค์กรของเขา เราก็จะเชิญว่าถ้าใครคิดว่าสามารถที่จะมาร่วมมือกันได้ ไปด้วยกันได้ก็จะเดินคู่กันไปเพื่อให้ศักยภาพของผู้หญิงไทยได้รับการพัฒนา
พิธีกร : ท่านอธิบดีได้รับฟังเสียงจากประชาชนอย่างไรบ้าง หลังจากประชาชนเริ่มมาสมัครเป็นสมาชิกกองทุนฯ นี้แล้ว
นายขวัญชัยฯ : เป็นที่น่าตื่นเต้นและยินดีมาก ไม่ว่าจะไปที่ไหนต่าง ๆ จะไปกับท่านนายกฯ หรือท่านรัฐมนตรีฯ ก็ดี จะเห็นชาวบ้านมีความกระตือรือร้น ยินดี และอยากมีเวทีเป็นของตนเอง อยากเป็นเวทีของผู้หญิง กลับมาอีกเรื่องหนึ่งเรื่องของการบูรณาการช่วยเหลือกัน ตอนนี้ก็ธนาคารของรัฐหลายแห่งไม่ว่าจะเป็น ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย ธ.ก.ส. ก็ได้อาสาตัวมาช่วยเราแล้วว่าจะไปสอนเรื่องระบบธุรกิจให้กับกลุ่มสตรี จะสอนเรื่องระบบการเงินการธนาคาร ให้รู้ว่าการทำบัญชีทำอย่างไร
พิธีกร : คือคุณจะกู้เงินเขียนแผนธุรกิจเป็นแล้ว คุณจะเขียนแผนให้กับคณะกรรมการที่จะไปกู้ธนาคารทำอย่างไร
นายขวัญชัยฯ : ถูกต้อง และสำหรับต่อไปเมื่อเขาเข้มแข็งขึ้นเขาก็จะเข้าไปสู่ระบบ โดยเข้าสู่ระบบการตลาดการเงินของเขาเอง เราก็เอาเงินกองทุนไปหมุนช่วยกับคนที่ด้อยโอกาสใหม่ต่อไป พอเขาแข็งแรงเมื่อไหร่แบงค์ก็จะรับไปเหมือน OTOP ใหม่ ๆ เราก็พยายามเข้าไปอุ้มเขาทั้งหมด แต่ปัจจุบัน OTOP ที่เขาแข็งแรงแบงค์ก็รับไปหมดแล้ว รับประกันคนนี้ 5 ดาว คนนี้ดาวเด่นสู้สากล แบงค์พร้อมที่จะรองรับสนับสนุน
พิธีกร : เหมือนเป็นคณะกรรมการที่คัดสรรโครงการอย่างที่บอกไปตอนต้นว่า โครงการที่ประสบความสำเร็จอาจจะเป็นทั้งเด็กดีด้วยและมีความคิดสร้างสรรค์ด้วย รัฐบาลก็อุ้มต่อและส่งต่อให้กับหน่วยงานที่จะฟูมฝักให้เติบโตมากขึ้นไปด้วย ท้ายที่สุดแล้วกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจะมีขนาดใหญ่มากน้อยแค่ไหน การจัดสรรเงินลงไปในแต่ละจังหวัดจะเป็นอย่างไร
นางสาวศันสนีย์ฯ : คือขณะนี้ถ้าเฉลี่ยเราต้องใช้คำว่าเฉลี่ยก็จังหวัดละ 100 ล้านบาท ซึ่งก็รวมแล้วประมาณ 7,700 ล้านบาท
พิธีกร : แต่ว่าขนาดของจังหวัดไม่เท่ากันทำอย่างไร
นางสาวศันสนีย์ฯ : มีการประชุมกัน ในที่ประชุมเห็นว่าน่าที่จะจัดสรรตามขนาดเช่น ตอนนี้ก็ได้ข้อสรุปในที่ประชุมครั้งที่ผ่านมาว่า เราจะแบ่งเป็น 3 ขนาด ขนาดแรกถ้าประชากรอยู่ในระดับที่ไม่เกิน 600,000 คน จะจัดสรรเงินให้ 70 ล้านบาท แต่ถ้าเกิน 600,000 แต่ไม่เกิน 1,000,000 คน จัดสรรให้ 100 ล้านบาทต่อจังหวัด และถ้าหากเกิน 1,000,000 คนขึ้นไปจะได้ 130 ล้านบาท
พิธีกร : คือดูตามขนาดของจังหวัดด้วย
นางสาวศันสนีย์ฯ : ใช่ค่ะ เพื่อความเป็นธรรมคณะกรรมการก็เห็นชอบตามที่ได้เสนอกันมาแบบนี้
พิธีกร : มีการตั้งไว้ไหมครับว่าท่านอธิบดีฯ ว่าที่ดูจากยอดเงินที่มีออกไปขนาดนี้แล้วนั้น เราจะเห็นโครงการจากสมาชิกกองทุนที่มารวมตัวกันในแต่ละปีจะมีกี่โครงการที่เข้ามาเสนอขอรับ
นายขวัญชัยฯ : เท่าที่เราอบรมไปแรก ๆ ก็เห็น 20 ล้านที่เราไปและทำแค่ 20 จังหวัดนั้นเกือบ 2,000 กว่าโครงการแล้ว
พิธีกร : คือแค่ 20 ล้าน
นางสาวศันสนีย์ฯ : ใช่ค่ะ แสดงว่ามีการกระจาย
พิธีกร : ถ้าเกิด 7,000 กว่าล้านก็คงมีอีกมากมาย
นายขวัญชัยฯ : จะกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากเป็นอย่างมาก
นางสาวศันสนีย์ฯ : ถ้าหากได้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์จริง ๆ ก็จะได้ผลอย่างที่ท่านผู้อำนวยการฯ ได้พูด
พิธีกร : แต่มีคนบอกว่าพอเป็นกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีท่านรัฐมนตรีฯ ครับ ผู้ชายจะมีส่วนร่วมได้อย่างไร
นางสาวศันสนีย์ฯ : ในการประชุมครั้งที่ผ่านมาก็เป็นคณะกรรมการที่ติดตามสนับสนุนในจังหวัดส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย
พิธีกร : มาจับผิดหรืออะไรครับ
นางสาวศันสนีย์ฯ : มาติดตามและสนับสนุนค่ะ คอยดูและคอยช่วยประเมินผล มีหน้าที่ให้การสนับสนุนก็ถือว่าผู้ทรงคุณวุฒิในบางจังหวัดก็เป็นผู้ชายอาจจะเป็นส่วนน้อย แต่ดิฉันเข้าใจว่าท่านทั้งหลายเต็มใจที่จะมาเป็นส่วนหนึ่งในการที่จะมาพัฒนาบทบาทสตรี และดิฉันเชื่อว่าท่านเหล่านี้เห็นคุณค่าของการที่ผู้หญิงมีศักยภาพและจะเกิดประโยชน์มาก
พิธีกร : คือให้เกิดความเท่าเทียมกันในสังคมด้วย
นางสาวศันสนีย์ฯ : ใช่ค่ะ
พิธีกร : เราจะเห็นกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีเดินหน้า kick off (เริ่มต้น) อย่างเต็มรูปแบบเมื่อไหร่ครับ
นายขวัญชัยฯ : ผมคิดว่าทุกวันนี้ก็เริ่มเดินแล้วนะครับ แต่เงินงวดหลังที่ไป 80% คาดว่าหลังจากประชุมวันนี้ไปประมาณ 10 วัน เราก็จะแจ้งหนังสือไปยังทุกจังหวัด เงิน 80 ล้านหลังนี้ โดยเฉลี่ยก็จะลงสู่จังหวัดทั้งหมด พอเราอบรมเสร็จภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ 1 มีนาคม ทุกตำบลเขาจะเคลื่อนไหวเลยต่างคนต่างพิจารณา ต่างคนต่างทำ ก็พอดีช่วยกันแก้ไขปัญหาภาวะหน้าแล้งให้กับพี่น้องประชาชนมีการสร้างอาชีพให้กับพี่น้องประชาชนในช่วงฤดูแล้งพอดีในขณะที่เขากำลังประสบภาวะเดือดร้อน
นางสาวศันสนีย์ฯ : เหมือนกับว่าเมื่อคณะกรรมการทั้งหลายพร้อมหมดแล้ว เงินก็มีความพร้อมแล้วรอจังหวะเวลาที่จะลงไปเท่านั้นเอง ให้ครบตามเป้าหมายในแต่ละจังหวัด
พิธีกร : เพราะฉะนั้นอีกไม่นานเกินรอ คือช่วงนี้หลังบ้านก็ดำเนินการอยู่เพราะฉะนั้นท่านผู้ชมที่สมัครสมาชิกกองทุนฯ แล้ว เริ่มคิดได้แล้วว่าโครงการที่ตัวเองจะร่วมตัวกันทำ 5 คน นั้นเป็นอย่างไรกันบ้าง
นางสาวศันสนีย์ฯ : ซึ่งดิฉันขออนุญาตถามท่านผู้อำนวยการฯ หรือท่านอธิบดีฯ แทนประชาชนว่า ในส่วนของสมาชิกบางคนที่เขาไปเขียนใบสมัครแล้วแต่ยังตรวจสอบไม่พบชื่อของตัวเองจะทำอย่างไร
นายขวัญชัยฯ : ให้แจ้งยืนยันมายังส่วนกลางจะยืนยันไปให้ เพราะปกติคนสมัครสมาชิกนั้นเราจะให้ทางกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยเป็นคนตรวจสอบเพื่อให้ทะเบียนไม่ซ้ำกัน บางที่สมัคร 3 – 4 ที่ไม่ได้เราต้องตรวจสอบให้มั่นใจ
พิธีกร : ดูจากบัตรประจำตัวประชาชนหรือว่าอะไรครับ
นายขวัญชัยฯ : ดูจากบัตรประจำตัวประชาชนเลข 13 หลัก ก็จะไปดูทะเบียนตรงนี้ว่าไม่ซ้ำกัน ชื่อมีอยู่จริงหรือไม่ บัตรปลอมหรือไม่ พอยืนยันแน่นอนแล้วเขาอยู่ที่ไหนเขาก็ใช้สิทธิ์ตรงนั้นได้เลย ถ้าไม่ตรวจสอบตรงนี้ก็จะมีการวิ่งรอก
นางสาวศันสนีย์ฯ : เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุดและท่านที่ยังไม่ได้มาสมัครเป็นสมาชิกก็สามารถมาสมัครได้เรื่อย ๆ
พิธีกร : กระบวนการในการตรวจสอบสมาชิกนานมากน้อยแค่ไหนครับ
นายขวัญชัยฯ : ไม่นานครับ เพราะส่วนนี้กรมการปกครองใช้ระบบคอมพิวเตอร์ ระบบของเขาใหญ่เพียงพอและรวดเร็ว พอเสร็จเร็วก็กดปุ่มจังหวัดก็ทราบทันที ข้อมูลก็จะเติมใส่อยู่ตลอดเวลาที่จังหวัด เพราะฉะนั้นเวลาไปจังหวัด ตำบลเขาจะรู้เพราะมีคอมพิวเตอร์ของเขาอยู่และจะสามารถรู้สมาชิกทั้งหมดว่าอยู่ที่ไหน
พิธีกร : และท้ายแล้วดูเหมือนว่าตอนนี้ทุกท่านไม่ใช่แค่สตรีเท่านั้นที่มีโอกาสมีส่วนร่วมในการออกแบบโลโก้กองทุนฯ
นางสาวศันสนีย์ฯ : ใช่ค่ะ เวลาก็ใกล้เข้ามาทุกทีแล้วที่จะปิดรับสมัคร เปิดรับมาพอสมควรจะสิ้นสุดในวันที่ 29 มกราคมนี้ และจะไปตัดสินกันในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ดังนั้นยังเหลือเวลาช่วยกันมีส่วนร่วมในการออกแบบว่า กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีที่ท่านได้ฟังมาว่ามีเนื้อหาเป็นแบบนี้นั้นน่าจะมีโลโก้อย่างไร และในที่ประชุมที่ผ่านมาได้มีการพิจารณาใช้คำย่อของกองทุนออกมามีพยัญชนะไทยแค่ 2 ตัวคือ ก และ ส
พิธีกร : ไม่ต้องเรียกยาวอีกต่อไป
นางสาวศันสนีย์ฯ : กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ท่านอาจจะเรียก กส. ก็ได้หรืออาจจะเอาไปใช้ประโยชน์ในการออกแบบกองทุนก็ได้
พิธีกร : พอเห็นในสื่อเขียนว่า กส. จะได้รู้ว่าเป็นอะไรด้วย
นางสาวศันสนีย์ฯ : ใช่ค่ะ กส.
พิธีกร : ตอนนี้ได้ยินจากทั้งสองท่านว่ามีความคืบหน้าของโครงการไปอย่างมาก และท่านนายกฯ ใส่ใจกับกองทุนนี้อยากมากเพื่อที่จะสร้างความเข้มแข็งให้กับสตรี
นางสาวศันสนีย์ฯ : ดิฉันเรียนให้ทราบอีกเล็กน้อยว่า เราจะมีการดูด้วยว่าความต้องการของผู้หญิงส่วนใหญ่นั้นเป็นอะไร และจะตอบสนองให้ตรงกับความต้องการอย่างเช่น จากการจดทะเบียนที่ผ่านมาเราพบว่าเรื่องสร้างงาน สร้างรายได้อันดับหนึ่ง เรื่องที่สองเรื่องสุขภาพ เป็นต้น
นายขวัญชัยฯ : อันนี้เหมาะกับการกำหนดยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาสตรี
พิธีกร : ช่วงนี้ขอขอบคุณท่านรัฐมนตรีฯ ศันสนีย์ มากครับ อีกสักครู่หนึ่งท่านอธิบดีจะไปกับผมต่อเพื่อดูสินค้า OTOP ตรงนี้ ท่านผู้ชมได้รับทราบแล้วนะครับว่ากองทุนพัฒนาบทบาทสตรีนั้นท่านนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าเป็นกองทุนที่จะช่วยส่งเสริมศักยภาพของสตรีไทยให้มีความเสมอภาค มีความเท่าเทียมกันในหลายภาคส่วน และรัฐบาลนั้นอยู่ระหว่างการจัดการอบรมคณะกรรมการให้ครบ 1 มีนาคม อย่างที่ท่านอธิบดีบอกไปว่าเงินจะลงไปทุกพื้นที่ทั่วประเทศระหว่างนี้คิดโครงการดี ๆ ไว้ ช่วงนี้พักสักครู่หนึ่งก่อน
ช่วงที่ 3
พิธีกร : กลับสู่ช่วงสุดท้ายของรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน ท่านอธิบดีครับงานนี้คุยกันเรื่อง OTOP ทรัพย์ในดินตรงนี้เป็นอย่างไรครับ
นายขวัญชัยฯ : ทรัพย์ในดินคือแร่ธาตุในธรรมชาติที่อยู่ใต้ดิน แต่เราใช้ภูมิปัญญาของพี่น้องประชาชนที่เป็นวิสาหกิจชุมชนนำมาเจียระไนทำให้เป็น OTOP ที่สำคัญและเป็นชื่อเสียงของประเทศชาติได้
พิธีกร : วันนี้เรามีทั้งทอง หยก เหล็ก และดีบุก เริ่มต้นกันจากตรงนี้ก่อนครับ ตรงนี้เป็นอะไรครับเห็นว่ามาจากจังหวัดตาก คุณพรรณทิพย์ ใช่ไหมครับ ทำอะไรบ้างครับ
ตัวแทนกลุ่มผลิตภัณฑ์ OTOP จังหวัดตาก (คุณพรรณทิพย์ ไชยชนะ) : ตอนนี้ทำหยก ทับทิม และมิลา ซึ่งเป็นอัญมณีหลากหลายชนิดที่นำมาเจียระไนและนำขึ้นรูปตัวเรือนด้วยภูมิปัญญาของไทย ซึ่งเราได้ทำที่อำเภอแม่สอด และส่วนวัตถุดิบที่ราคาต่ำเราก็จะนำมาเพิ่มมูลค่า โดยการนำมาทำเป็นต้นไม้หยกใช้เป็นของที่ระลึก ของประดับบ้าน
พิธีกร : เห็นว่าต้นไม้หยกต้นนี้ราคาไม่แพงเลยใช่ไหมครับ
ตัวแทนกลุ่มผลิตภัณฑ์ OTOP จังหวัดตาก (คุณพรรณทิพย์ ไชยชนะ) : ใช่ค่ะ ด้านโน้นราคา 5,500 บาท
พิธีกร : 5,500 บาทเท่านั้น แต่ว่าดูแล้วเป็นหยกแท้ ๆ แต่ว่าใช้ฝีมือเพิ่มมูลค่า ส่วนเครื่องประดับอัญมณีตรงนี้ เป็นอะไรบ้างครับ
ตัวแทนกลุ่มผลิตภัณฑ์ OTOP จังหวัดตาก (คุณพรรณทิพย์ ไชยชนะ) : จะเป็นหยกซึ่งออกแบบและขึ้นตัวเรือนเรียบร้อยแล้วหุ้มทอง และเพชรเรียบร้อยแล้ว จะเป็นหยกแท้ที่มีใบรับรองทุกชิ้น
พิธีกร : อันนี้เป็นผลิตจากหยกจากจังหวัด เดินมาตรงนี้มาจากไหนครับ
ตัวแทนกลุ่มผลิตเหล็กน้ำพี้ จังหวัดอุตรดิตถ์ : จังหวัดอุตรดิตถ์ ตำบลน้ำพี้ บ่อเหล็กน้ำพี้
พิธีกร : พูดถึงน้ำพี้ ก็ต้องเป็นหลักน้ำพี้แน่นอน ซึ่งจะเป็นพื้นที่ที่จะมีการจัดประชุมคณะรัฐมนตรีในช่วงสุดสัปดาห์นี้ด้วย เหล็กน้ำพี้เอามาจากไหนครับ
ตัวแทนกลุ่มผลิตเหล็กน้ำพี้ จังหวัดอุตรดิตถ์ : อยู่ที่พื้นที่เลย เช่น อย่างที่ท่านอธิบดีจับอยู่นี่คือเป็นก้อนเหล็กน้ำพี้ที่อยู่บ่อทองแสนขัน ที่จะมาเป็นดาบตัวนี้
นายขวัญชัยฯ : ลองโชว์ดาบให้ดูได้ไหมครับ
ตัวแทนกลุ่มผลิตเหล็กน้ำพี้ จังหวัดอุตรดิตถ์ : เมื่อตีแล้วจะเป็นสีเขียวเหมือนปีกแมลงทับ ซึ่งจะอ่อนข้างในและแข็งข้างนอก
พิธีกร : แสดงว่าวิธีการตีเหล็กคือเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น
ตัวแทนกลุ่มผลิตเหล็กน้ำพี้ จังหวัดอุตรดิตถ์ : ใช่ครับ คือการตีนั้นจะหล่อออกมาจากหินก้อนนี้ใช้ความร้อนหล่อประมาณ 1,640 องศา พอหล่อเสร็จแล้วเวลาที่จะนำมาตีเป็นดาบจะใช้เผาอีกประมาณ 400 องศา และนำมาตี เวลาตีจะใช้คนตี 3 คน อีกคนหนึ่งใช้คีมจับคอยพลิกเพื่อที่จะให้ยืดเหล็กให้ยาวตามขนาดที่ผู้สั่งต้องการ อย่างเช่นที่จะมอบให้กับคณะรัฐมนตรีในวันที่ 20 -21 นี้ก็จะอยู่ที่ 9 นิ้ว
พิธีกร : นี่ก็คือเหล็กน้ำพี้เช่นเดียวกัน
ตัวแทนกลุ่มผลิตเหล็กน้ำพี้ จังหวัดอุตรดิตถ์ : ใช่ครับ ลูกปะคำนี้ก็เช่นเดียวกันทำมาจากผงของเหล็กน้ำพี้ ซึ่งบดออกมาแล้วนำไปผสมกับดินเหนียวที่อยู่ในพื้นที่ของอำเภอทองแสนขันเท่านั้น เพราะจะมีคุณสมบัติที่เหนียวและทนต่อความร้อนได้ดีเป็นดินเหนียวที่อื่นไม่ได้
พิธีกร : เมื่อสักครู่ผมทดสอบดูเหมือนแม่เหล็กเลยนะครับ
ตัวแทนกลุ่มผลิตเหล็กน้ำพี้ จังหวัดอุตรดิตถ์ : ใช่ครับ คือต้องใช้แม่เหล็กด้วย
พิธีกร : ลองโชว์ให้ดูหน่อยได้ไหมครับ
ตัวแทนกลุ่มผลิตเหล็กน้ำพี้ จังหวัดอุตรดิตถ์ : ได้ครับ ท่านลองพิสูจน์ดูได้ครับ
นายขวัญชัยฯ : ลูกปะคำติดครับ แสดงว่าดินผสมผงเหล็กจริง เหล็กน้ำพี้นี้มีประวัติศาสตร์ด้วยนะครับ
ตัวแทนกลุ่มผลิตเหล็กน้ำพี้ จังหวัดอุตรดิตถ์ : จะมี 2 บ่อที่สงวนไว้ให้สำหรับพระมหากษัตริย์ในสมัยโบราณคือ บ่อพระแสงและบ่อพระขัน ซึ่งในบ่อนี้ก็จะนำมาตีดาบของท่านพระยาพิชัยดาบหัก
พิธีกร : ตรงนี้คืออะไรครับ
ตัวแทนกลุ่มผลิตเหล็กน้ำพี้ จังหวัดอุตรดิตถ์ : ตรงนี้เป็นไหล เขาเรียกว่าไหลเขียว จะมาจากหินที่มีอยู่ในพื้นที่ของอำเภอทองแสนขันเช่นเดียวกัน ภูมิปัญญาของเขาคือจะไปสังเกตดูว่าหินก้อนไหนมีสายแร่อยู่ ก็จะนำมาเผาด้วยความร้อนสูงเช่นเดียวกัน เมื่อได้ความร้อนสูงก็จะไหลออกมาพอมาปะทะกับความเย็นก็จะเป็นก้อนโดยไม่ต้องเจียระไน อันนี้สีดำก็เรียกว่าไหลดำเช่นเดียวกัน
นายขวัญชัยฯ : อันนี้คือผ้าอะไรครับ
ตัวแทนกลุ่มผลิตเหล็กน้ำพี้ จังหวัดอุตรดิตถ์ : เป็นผ้าจกของลับแล อันนี้เป็นจกของฟากท่า จังหวัดอุตรดิตถ์เช่นเดียวกันครับ
พิธีกร : ตรงนี้มาเป็นผลิตภัณฑ์ของดีบุก ที่กำแพงเพชรมีดีบุกหรือไม่ครับ
ตัวแทนกลุ่มผลิตภัณฑ์ดีบุก จังหวัดกำแพงเพชร : กำแพงเพชรไม่มีดีบุกแต่ช่างของเรามีความสามารถในการออกแบบตั้งแต่ งานปั้น งานดุน
พิธีกร : แสดงว่าไม่จำเป็นต้องมีวัตถุดิบในพื้นที่แต่ขอให้มีความสามารถ มีความรู้ มีภูมิปัญญา เริ่มมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ
ตัวแทนกลุ่มผลิตภัณฑ์ดีบุก จังหวัดกำแพงเพชร : เริ่มจากงานทำพวกกุญแจ ทำของที่ระลึก และเริ่มมาทำเป็นลักษณะงานชิ้นใหญ่เป็นงานหล่อ และไปเรียนดุนลายมาจากเชียงใหม่ก็เริ่มมาเป็นงานพวกเครื่องประดับ พวกนี้ถ้าเราใช้ลักษณะการดุนจะทำให้สินค้ามีน้ำหนักเบาขึ้น เป็นการแตกลายสินค้าด้วย
นายขวัญชัยฯ : สร้างมูลค่าเพิ่ม
พิธีกร : ช่องทางการในจัดจำหน่ายเป็นอย่างไรบ้าง
ตัวแทนกลุ่มผลิตภัณฑ์ดีบุก จังหวัดกำแพงเพชร : ส่วนมากจะส่งตามแหล่งท่องเที่ยว ตามเมืองท่องเที่ยว เช่น จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดชลบุรี และกรุงเทพฯ ตามแหล่งท่องเที่ยว และมีจำหน่ายที่จังหวัดกำแพงเพชรด้วย
พิธีกร : คือกำแพงเพชรเป็นแหล่งงานฝีมือ แต่เอาวัตถุดิบมาจากภาคใต้และส่งขายไปทั่วประเทศ อันนี้ถือว่าครบวงจรจริง ๆ ขอบพระคุณมากครับ สุดท้ายครับท่านอธิบดี ของทุกอย่างมีมูลค่าเป็นล้านบาท มาจากจังหวัดสุโขทัยใช่ไหมครับ
ตัวแทนกลุ่มผลิตภัณฑ์ OTOP จังหวัดสุโขทัย : ใช่ครับ จากอำเภอศรีสัชนาลัย
พิธีกร : นี่คือทอง
ตัวแทนกลุ่มผลิตภัณฑ์ OTOP จังหวัดสุโขทัย : เป็นทองเปอร์เซ็นต์ 99.99 ซึ่งในตามท้องตลาดเป็น 96.5%
พิธีกร : แตกต่างกันอย่างไรครับ
ตัวแทนกลุ่มผลิตภัณฑ์ OTOP จังหวัดสุโขทัย : แตกต่างคือ ทองของเราทุกขั้นตอนทำด้วยมือ
พิธีกร : ละเอียดขนาดนี้ทำด้วยมือทั้งหมด นี่คือใช้มือทั้งหมด
ตัวแทนกลุ่มผลิตภัณฑ์ OTOP จังหวัดสุโขทัย : ใช้มือหมดครับ จากทองคำแท่งมาดึงเป็นเส้นเล็ก ๆ เท่าเส้นผมและนำมาถัก อย่างเส้นนี้เรียกว่าเส้นแปดเสา จากทองแท่งและนำมาดึงเป็นเส้นเล็กเท่าเส้นผมและนำมาถักเป็นเส้นแบบนี้ ซึ่งใช้ระยะเวลาประมาณครึ่งเดือน แต่ละเส้นก็ใช้หลายคนมีทั้งช่างลงยา ตีตะขอ และช่างประกอบ แต่ละคนมีหน้าที่ไม่เหมือนกัน บางคนถัก บางคนติดลาย ทำตะขอ ลงยา และนำมาประกอบ
พิธีกร : ความรู้เหล่านี้นำมาจากไหนครับ
ตัวแทนกลุ่มผลิตภัณฑ์ OTOP จังหวัดสุโขทัย : ลวดลายแต่ละอันนั้นก็นำมาจากผนังวัดที่อุทยานศรีสัชนาลัย หรือที่เจดีย์เจ็ดยอดที่จะมีลายเรียกว่า ลายเทพพนม นี่ก็มาจากกำแพงวัดเก่าแก่ ซึ่งอำเภอศรีสัชนาลัยนี้มีประวัติศาสตร์เรียกว่าเมืองพระร่วง จะเอาลวดลายตามผนังวัด ตามกำแพงวัด เจดีย์วัด
พิธีกร : นี่คือทรัพย์ในดินท่านอธิบดี เราได้เห็นแล้วว่า OTOP ของไทยนั้น ขณะนี้เติบโตไปไกลมากทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นหยก เหล็กน้ำพี้หรือว่าดีบุกเหล่านี้ และทอง ล้วนแล้วแต่มีการพัฒนาจนได้รับการยอมสู่สากลด้วย ซึ่งนี่คือส่วนหนึ่งของ OTOP ในพื้นที่ทรัพย์ในดินและเป็นกลุ่มภาคเหนือตอนล่างที่จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีในกลุ่มจังหวัดนี้ด้วย วันนี้ขอขอบคุณท่านอธิบดีมากครับ ขอบคุณทุกท่านนะครับ และทั้งหมดคือรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน ผมธีรัตน์ รัตนเสวี สวัสดีครับ
*********************************
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก