Quantcast
Channel: ศูนย์ข่าวทำเนียบรัฐบาล
Viewing all 1192 articles
Browse latest View live

ครม. เห็นชอบต่ออายุพระราชบัญญัติความมั่นคง ออกไปอีก 61 วัน

$
0
0
ครม. เห็นชอบต่ออายุพระราชบัญญัติความมั่นคง ออกไปอีก 61 วัน

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้มีมติเห็นชอบการต่ออายุพระราชบัญญัติความมั่นคง ออกไปอีก 61 วัน จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2557

วันนี้ (28 เมษายน 2557) เวลา 14.00 น. ร้อยโทหญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานฯ ณ ห้องประชุม ชั้น 2 องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) ตำบลคลอง 5 อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เมื่อช่วงเช้าว่า

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้มีมติเห็นชอบการต่ออายุพระราชบัญญัติความมั่นคง ออกไปอีก 61 วัน จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2557 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ซึ่งจะหมดอายุในวันที่ 30 เมษายน 2557 ตามที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ (ศอ.รส.) เสนอ

 

-------------------------------

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก


นายกรัฐมนตรีพร้อมพูดคุยและเปิดกว้างกับทุกฝ่ายอะไรที่เป็นประโยชน์รัฐบาลยินดีให้ความร่วมมือ

$
0
0
นายกรัฐมนตรีพร้อมพูดคุยและเปิดกว้างกับทุกฝ่ายอะไรที่เป็นประโยชน์รัฐบาลยินดีให้ความร่วมมือ

วันนี้ ( 28 เม.ย.57) เวลา 14.30 น. ณ องค์การพิพิธพันฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ เทคโนธานี จังหวัดปทุมธานี ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาซีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินหน้าพูดคุยกับุคคลต่างๆเพื่อร่วมกันหาทางออกให้กับประเทศ ว่า นายอภิสิทธิ์ฯ ขอเวลา 10 วัน ซึ่งคงต้องให้เวลาทำงานได้เต็มที่ก่อน ซึ่งถ้าทุกอย่างเป็นไปอย่างที่คาดหวังก็เป็นสิ่งที่ดีสำหรับประเทศที่เราจะได้มีโอกาสและมีทางออกกัน

ส่วนรัฐบาลพร้อมพูดคุยกับนายอภิสิทธิ์ฯหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พร้อมพูดคุยและเปิดกว้าง อะไรที่เป็นประโยชน์ รัฐบาลจะร่วมมือได้ก็ยินดีที่จะพูดคุยกับทุกคน

สำหรับรูปแบบในการหารือกันจะมีการถ่ายทอดสดหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการนัดหมายจากทางนายอภิสิทธิ์ฯ ซึ่งคงต้องรอการนัดหมายอย่างเป็นทางการจากนายอภิสิทธิ์ฯ ก่อน และจะได้หารือในราลละเอียดต่อไป ส่วนคิดว่าฝ่ายการเมืองยังสามารถที่จะแก้ไขปัญในขณะนี้ได้หรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ฝ่ายการเมืองและภาคประชาชนต้องร่วมมือกันแก้ปัญหา เพราะเป็นเรื่องปัญหาของประเทศ ซึ่งเราทุกคนมีหน้าที่ในการที่จะแก้ปัญหาและหาทางออกนี้

ส่วนการแก้ปัญหาขณะนี้ถึงขั้นที่พล.อ.สายหยุด เกิดผล ประธานคณะรัฐบุคคล ออกมาระบุเสนอพิมพ์เขียวให้รัฐบุรุษดำเนินการเสนอทางแก้ปัญหาหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตรงนี้ตนเองคงไม่อยู่ในข่ายที่จะตอบ เราคงต้องมาศึกษาว่าการทำเช่นนั้นมีความเป็นไปได้หรือไม่ ใช่ทางออกแท้จริงหรือไม่ ซึ่งต้องระมัดระวัง เพราะประเด็นต่างๆ นี้ เป็นประเด็นที่มีความละเอียดอ่อนและอ่อนไหว ชึ่งคงต้องให้ผู้มีความรู้ด้านกฏหมายหรือรายละเอียดต่าง ๆ พิจารณาให้เกิดความรอบคอบ เพราะไม่อยากเห็นพูดแล้วยังมีข้อถกเถียงกัน

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ขณะนี้ถึงขั้นที่จะต้องขอพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหรือยังว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสถาบันพระมหากษัตริย์ พระองค์อยู่เหนือการเมือง เรื่องต่างๆ ทั้งหมดนี้เป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่จะต้องช่วยกันแก้ไข ซึ่งเราต้องระมัดระวังในประเด็นต่างๆที่จะไป ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท

ส่วนเห็นว่านายอภิสิทธิ์ฯ ควรจะมีการพูดคุยกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ก่อนหารือรัฐบาลหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความจริงตรงนี้ เป็นความคิดที่ดี เพราะทางด้านนายอภิทธิ์ฯ เป็นผู้เริ่มต้นปฏิรูปในแนวคิดที่จะหาทางออกของประเทศจึงเป็นผู้ที่มีความเหมาะสมที่จะพูดคุยกับนายสุเทพฯ ซึ่งหวังว่าทั้งสองฝ่ายได้ข้อคิดเห็นร่วมกัน ตรงนี้ก็อยากเปิดโอกาสให้นายอภิสิทธิ์ฯ ได้ทำงาน และคิดว่านายอภิสิทธิ์น่าจะสามารถพูดคุยกับนายสุเทพฯ ได้ดีกว่าหลายคน ส่วนมองว่าการกระทำดังกล่าวของนายอภิสิทธิ์ฯ มีความจริงใจมากน้อยเพียงใดนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่อยากให้ไปมองว่าใครมีความจริงใจหรือไม่จริงใจ แต่เชื่อว่าความพยายามต่างๆถ้าเราช่วยกัน และเปิดโอกาสให้ความพยายามในการที่จะไปพูดคุย ซึ่งวันนี้นายอภิสิทธิ์ฯ ก็ยังมีเวลาที่จะทำงาน เราก็คงต้องร่วมกันในการให้กำลังใจและช่วยกันผลักดันให้การแก้ไขปัญหาอุปสรรคผ่านพ้นไปได

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงความชัดเจนในการที่จะไปให้ปากคำต่อศาลรัฐธรรมนูญด้วยตนเองว่า ตอนนี้ยังมีเวลาอยู่ซึ่งจะขอแจ้งให้ทราบอีกครั้ง ส่วนรัฐบาลจะมีการหารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต) หรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ ทาง กกต. ได้มีการพูดคุยกับประธาน กกต. และได้มีการนัดหมายกันคราว ๆ แต่ยังรอการประสานงานอย่างเป็นทางการ ซึ่งตรงนี้คงต้องรอ กกต. ประชุมก่อน ซึ่งถ้าจะให้ฝ่ายรัฐบาลร่วมประชุมก็ยินดี และพร้อมที่จะทำงานและให้ความร่วมมือกับ กกต.

 

 

 

 

----------------

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์

รองนายกรัฐมนตรีย้ำ รัฐมนตรีที่เหลือจะเดินหน้าปฎิบัติหน้าที่เพื่อดูแลประเทศชาติ และประชาชนต่อไป จนกว่าจะได้รัฐบาลชุดใหม่

$
0
0
รองนายกรัฐมนตรีย้ำ รัฐมนตรีที่เหลือจะเดินหน้าปฎิบัติหน้าที่เพื่อดูแลประเทศชาติ และประชาชนต่อไป จนกว่าจะได้รัฐบาลชุดใหม่

วันนี้ (7 พฤษภาคม 2557) เวลา 16.10 น. ณ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวกรณีหลังจากคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญว่า คณะรัฐมนตรีได้มีการประชุมหารือมอบหมายให้ตนปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีเพื่อรอรัฐบาลใหม่ ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้กล่าวไว้ว่า ทั้งนี้ รัฐมนตรีที่เหลือจะต้องปฏิบัติหน้าที่รัฐบาลรักษาการต่อไปจนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งรัฐบาลรักษาการมีหน้าที่หลัก 2 เรื่อง เรื่องที่ 1 คือต้องให้มีการเลือกตั้งหรือมีรัฐบาลใหม่ให้เร็วที่สุด รัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญ ต้องมีการเลือกตั้ง จากนั้นเมื่อมีรัฐบาลใหม่เรียบร้อย รัฐบาลรักษาการต้องหมดหน้าที่ไป เรื่องที่ 2 ในระหว่างที่ไม่มีรัฐบาลใหม่ รัฐบาลชุดรักษาการ ต้องทำหน้าที่ดูแลประเทศชาติบ้านเมืองต่อไป ดูแลทุกข์สุขของประชาชน ดูแลเรื่องเศรษฐกิจ ดูแลในสิ่งที่ทำได้ตามพระราชบัญญัติบริหารราชการแผ่นดิน ตามมาตรา 181 ของรัฐธรรมนูญหน้าที่หลัก ๆ ของรัฐบาลชุดนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า หนักใจหรือไม่กับการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า คงไม่มีประเด็นที่น่าหนักใจ ต้องทำหน้าที่ตามที่ได้กล่าวไป และทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ทำอย่างไรให้พี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดี เศรษฐกิจของประเทศ การค้าขายกับประเทศให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา181

รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวต่อไปถึงการประชุมสุดยอดอาเซียนที่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ว่า ต้องประชุมกันอีกครั้ง เนื่องจากวันนี้ได้หารือกันเพียงคร่าว ๆ เท่านั้น และพรุ่งนี้จะประชุมกันอีกครั้งในคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ เพื่อหารือเนื่องจากบางกระทรวงไม่มีรัฐมนตรีอยู่แล้วจะสามารถดำเนินการต่อไป และพูดคุยกันว่าจะดูแลให้ดำเนินไปได้อย่างไร พร้อมแบ่งงานกันต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีโครงการจำนำข้าวที่ทาง ปปช.ใกล้จะชี้มูล กังวลหรือไม่จะเกิดกรณีชี้มูล

รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า กรณีของ ปปช. เป็นคดีข้อกล่าวหาต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เกี่ยวกับการเพิกเฉยละเลยให้เกิดมีการทุจริตหรือมีการเพิกเฉยที่จำให้โครงการทำความเสียหายให้กับประเทศชาติ เป็นข้อกล่าวหาที่ทาง ปปช. ได้สอบพยาน และตนได้ไปให้ปากคำ และให้พยานเอกสารต่าง ๆ ซึ่งท่านคงจะพิจารณาต่อไป ดังนั้นคงต้องรอคำตัดสินของ ปปช. อีกครั้งหนึ่ง

รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวต่อไปว่า ศาลรัฐธรรมนูญ ได้พูดว่ารัฐบาลชั่วคราวรักษาการจะต้องทำหน้าที่ไปจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ขึ้นมา ถ้าตามรัฐธรรมนูญมีรัฐบาลใหม่ต้องมาจากการเลือกตั้งจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะมีรัฐบาลใหม่โดยเร็ว เพราะว่ารัฐบาลชุดนี้จะได้ส่งมอบภาระของประเทศไปให้กับรัฐบาลชุดใหม่

รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวย้ำว่า รัฐบาลรักษาการทำไม่ได้เต็มที่ในโครงการใหม่ ๆ สิ่งที่จะต้องทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น การดูแลพี่น้องประชาชนให้มากกว่างบประมาณปกติที่เคยอนุมัติไว้นั้น ทำไม่ได้ คือบางเรื่องทำไม่ได้เลยเนื่องจากผิดกฎหมายบางเรื่องถ้าจะของบกลางต้องไปขอ กกต. ฉะนั้นรัฐบาลชุดใหม่เป็นเรื่องที่สำคัญในการที่จะดูแลประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศ

พร้อมกล่าวว่า หวังว่าการเมืองจะไม่ร้อนแรงขึ้น เนื่องจากคดีของนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ได้ตัดสินไปแล้ว เรื่องของ ปปช. ตอนนี้ก็อยู่ระหว่างการตัดสิน ฉะนั้นคงไม่มีประเด็นอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นมา และขอความร่วมมือกับพี่น้องประชาชนทุกกลุ่มในการที่จะทำให้บ้านเมืองสงบสุขเรียบร้อย โดยรัฐบาลมุ่งที่จะเดินไปตามกรอบกติกาของรัฐธรรมนูญที่จะมีการเลือกตั้ง จะปฏิรูป ก็ต้องไปตามกฎหมายนั้นคือสิ่งที่ดีที่สุด

_________________________

 

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ครม.มีมติมอบหมายงานรองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่แทนรองนายกรัฐมนตรีที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้พ้นจากตำแหน่ง

$
0
0
ครม.มีมติมอบหมายงานรองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่แทนรองนายกรัฐมนตรีที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้พ้นจากตำแหน่ง

วันนี้ (8 พฤษภาคม 2557) เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 10 สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม นายนิวัฒน์ ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี

ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลการประชุม ซึ่งสรุปสาระสำคัญดังนี้

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีการมอบหมายงานรองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่

แทน รองนายกรัฐมนตรีที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้พ้นจากตำแหน่งจำนวน 4 ราย ดังนี้

1) นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ

กระทรวงพาณิชย์ กำกับ ดูแลงานในส่วนของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง

2) นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำกับดูแลงานในส่วนของนายปลอดประสพ สุรัสวดี

3) นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี กำกับ ดูแลงานในส่วนของพลตำรวจเอก ประชา พรหมนอก และนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล

ทั้งนี้ เพื่อให้การบริหารราชการ การสั่งและการปฏิบัติราชการในส่วนของรองนายกรัฐมนตรีดังกล่าว เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ระหว่างที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกากำลังพิจารณาสถานะของรองนายกรัฐมนตรีที่ถูกศาลฯ ให้พ้นจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี

 

 

 

...........................................

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

คมนาคม-มหาดไทย เร่งช่วยเหลือพื้นที่ความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหว จ.เชียงราย

$
0
0
คมนาคม-มหาดไทย เร่งช่วยเหลือพื้นที่ความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหว จ.เชียงราย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ดูแลขวัญกำลังใจประชาชนเหตุแผ่นดินไหว จ.เชียงราย พร้อมเร่งช่วยเหลือพื้นที่ความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหว

วันนี้ (8 พ.ค. 57) เวลา 12.10 น. ณ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เมืองทองธานี นนทบุรี นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมกันแถลงข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์แผ่นดินไหว ที่จังหวัดเชียงราย ภายหลังเสร็จสิ้นจากการประชุมคณะรัฐมนตรี

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ชี้แจงเกี่ยวกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวจังหวัดเชียงรายที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 พ.ค. ที่ผ่านมาว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีการซักถามเกี่ยวกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้มีการสำรวจความเสียหายในพื้นที่ดังกล่าว โดยเส้นทางจราจรที่มีความเสียหายมากที่สุดคือ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 118 กิโลเมตรที่ 151 ปัจจุบันได้ดำเนินการซ่อมแซม โดยได้มีการขยายไหล่ทางเพิ่มเติม เพื่อให้รถสัญจรได้ตามปกติ ส่วนบริเวณที่มีการทรุดตัวลงนั้น ได้มีการซ่อมแซมอย่างเร่งด่วนและคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 5 วันนี้  โดยขั้นตอนต่อไปอธิบดีกรมทางหลวงจะลงพื้นที่ตรวจสอบสะพานในพื้นที่ที่เกิดความเสียหาย  ส่วนท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงจังหวัดเชียงราย ยังสามารถดำเนินการได้ตามปกติ  ภาพรวมความเสียหายหลัก ๆ จะอยู่บริเวณถนนทางหลวงดังกล่าวระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตร อย่างไรก็ตามกระทรวงคมนาคมจะมีการปรับปรุงมาตรการให้ดีมากยิ่งขึ้น

นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกล่าวว่า ได้มีการปฏิบัติตามแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) หรือ 2P2R ตั้งแต่ทราบว่ามีการเกิดเหตุแผ่นดินไหวมาอย่างต่อเนื่อง และได้มีการตั้งศูนย์อำนวยการที่ศาลากลางจังหวัดเชียงราย โดยมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายรับผิดชอบหน้าที่แบบ Single Command พร้อมจัดตั้งศูนย์ประสานงานและแถลงข่าว เพื่อประชาสัมพันธ์ทุก ๆ ชั่วโมง ซึ่งบริเวณที่มีความเสียหาย ทั้งถนน บ้านเรือน ศาสนสถาน และอื่น ๆ รวมถึงผู้ที่เสียชีวิต ได้มีการช่วยเหลือดูแลเรียบร้อยแล้ว แต่ปัญหาที่ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากจากเหตุการณ์ในครั้งนี้คือ 1. ขวัญกำลังใจของประชาชนในพื้นที่ จึงได้มีการกำชับในเรื่องดังกล่าว เพื่อเรียกขวัญกำลังใจของทุกคนกลับคืนมา และ 2. ประชาชนในพื้นที่ไม่กล้าอาศัยอยู่ในบ้านของตนเอง จึงได้มีการจัดตั้งศูนย์อพยพขึ้น เพื่อรองรับให้ประชาชนได้เข้ามาพักอาศัยชั่วคราว ส่วนเขื่อนแม่สรวยนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจสอบสภาพแล้ว พบว่าไม่มีปัญหาหรือความเสียหายอะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากเขื่อนแม่สรวยสามารถต้านแรงการสั่นสะเทือนได้ถึง 7 ริกเตอร์ ทั้งนี้ทางจังหวัดได้มีการสั่งการไปยังอำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน ในการสำรวจพื้นที่ความเสียหายเพิ่มเติม โดยเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 10 วัน เพื่อให้ความช่วยเหลือดูแลอย่างดีที่สุดแก่ประชาชน พร้อมส่งหน่วยแพทย์สาธารณสุขลงพื้นที่ดูแลขวัญกำลังใจด้วย

ด้านนายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า การเกิดแผ่นดินไหวที่ จ.เชียงราย เป็นการเกิดแผ่นดินไหวที่รุนแรงในรอบหลายร้อยปีของประเทศไทย ซึ่งภายหลังเกิดเหตุ คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติเงินทดรองจ่ายฉุกเฉินในกรณีเกิดภัยพิบัติเร่งด่วนในวงเงิน 500 ล้านบาท ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหาย ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวได้เกิดอาฟเตอร์ช็อคถึงเวลา 15.00 น. วันที่ 7 พ.ค.57 รวมทั้งหมด 331 ครั้ง แยกเป็นระดับ 5.9 ริกเตอร์ รวม 7ครั้ง ระดับ 4.0-4.9 ริกเตอร์ รวม 22 ครั้ง ระดับ 3.0-3.9 ริกเตอร์ รวม 72 ครั้ง และระดับน้อยกว่า 3.0 ริกเตอร์ รวม 230 ครั้ง ซึ่งขณะนี้ได้มีทุกภาคส่วนเข้าไปดูแลแล้ว และวันนี้มูลนิธิราชประชาสมาสัยได้ไปแจกถุงยังชีพให้ประชาชนผู้ประสบภัยด้วย

นายวิสาร ได้กล่าวถึงกรณีที่มีผู้ไม่หวังดีออกข่าวว่ามีอ่างเก็บน้ำจะแตกหรือจะถล่มว่า ในเชิงวิชาการแล้วทางวิศวกรใหญ่กรมชลประทานได้ยืนยันแล้วว่าไม่มีอันตรายใด ๆ  โดยขอให้สื่อที่ทำลายรัฐบาล ทำลายพี่น้องประชาชนได้ยุติ  เพราะถือเป็นการยืนอยู่บนความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน  ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีวันนี้ได้มีมติที่จะนำเชียงรายโมเดลเป็นตัวอย่างในเรื่องภัยธรรมชาติ และมีมติให้มีศูนย์แถลงข่าวให้ชัดเจน  ขอให้ประชาชนอย่าเชื่อข่าวลือ  รวมทั้งอยากให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ช่วยเหลือกันเมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้นในประเทศ  ส่วนกรณีโบราณสถานหรือถาวรวัตถุที่เกี่ยวกับศาสนาได้รับความเสียหายส่งผลกระทบต่อจิตใจของประชาชนนั้น คณะรัฐมนตรีจะได้มีการเร่งรัดแก้ไขระเบียบต่าง ๆ ในการสร้างถาวรวัตถุของศาสนาต่าง ๆ เช่น พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย หรือเจดีย์ที่สูงที่สุดในประเทศไทย ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้กำชับว่า ต่อไปนี้จะต้องมีการก่อสร้างโดยมีวิศวกรรับรอง ซึ่งภาครัฐจะนำเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นกรณีศึกษาในการเตรียมความพร้อม ให้ความรู้กับประชาชนคนไทยในเรื่องภัยพิบัติแผ่นดินไหว

นอกจากนี้ นายวิสารกล่าวว่า คณะรัฐมนตรีได้เห็นความสำคัญในเรื่องหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ โดยได้มอบหมายให้นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาแก้ไขหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ให้เหมาะสมกับความเป็นจริงที่ประชาชนได้รับผลกระทบต่อไป

---------------------------------

 

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

รองนายกฯ ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรียืนยันรัฐบาลต้องทำงานต่อตามกฎหมาย

$
0
0
รองนายกฯ ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรียืนยันรัฐบาลต้องทำงานต่อตามกฎหมาย

รองนายกรัฐมนตรีฯ ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลรักษาการและการทูลเกล้าฯ เพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธานวุฒิสภา

วันนี้ (10 พ.ค.57) นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชี้แจงกรณีการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลรักษาการและการทูลเกล้าฯ เพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธานวุฒิสภา ดังนี้

รัฐบาลรักษาการยังต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไว้ คณะรัฐมนตรีโดยมีรักษาการนายกรัฐมนตรีเป็นประธานมีหน้าที่ดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ และจะต้องปฏิบัติหน้าที่ไปจนกว่าจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญและระบอบประชาธิปไตย ทั้งนี้ หากประเทศสามารถเดินไปในแนวทางประชาธิปไตย จะเป็นแนวทางการแก้ปัญหาโดยสันติและเป็นที่ยอมรับของประชาชนและนานาประเทศ

สำหรับกรณีการเลือกตั้งประธานวุฒิสภา ขณะนี้รัฐบาลยังไม่ได้รับเรื่องจากวุฒิสภาอย่างเป็นทางการ และเมื่อได้รับแล้ว รัฐบาลก็มีหน้าที่ต้องส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาก่อน เพราะเมื่อโปรดเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมวุฒิสภา สมัยวิสามัญ ไม่ได้มีการกำหนดวาระการเลือกตั้งประธานวุฒิสภาไว้ด้วย รัฐบาลจึงต้องส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาเพื่อความถูกต้องก่อนการดำเนินการใด ๆ เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและบทบัญญัติของกฎหมาย และรัฐบาลจะดำเนินการตามขั้นตอนให้เร็วที่สุดต่อไป

---------------------------------

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

นายนิวัฒน์ธำรงฯ เผยปัจจุบันรัฐบาลรักษาการตามรัฐธรรมนูญอย่างถูกต้อง พร้อมย้ำจะทำหน้าที่จนกว่าจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

$
0
0
นายนิวัฒน์ธำรงฯ เผยปัจจุบันรัฐบาลรักษาการตามรัฐธรรมนูญอย่างถูกต้อง พร้อมย้ำจะทำหน้าที่จนกว่าจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

วันนี้ (12 พ.ค. 57) เวลา 15.10 น. ณ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เมืองทองธานี นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศจากหลายสำนัก โดยส่วนใหญ่สื่อมวลชนต่างประเทศได้สอบถามถึงสถานภาพของรัฐบาลรักษาการ สถานการณ์ทางการเมือง และการหาทางออกของประเทศ โดยได้ยืนยันว่าในวันที่ 14 พ.ค.นี้ จะเดินทางเข้าหารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งคาดหวังว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้น ในวันที่ 20 ก.ค. ตามที่เคยได้มีการหารือมาเมื่อวันที่ 30 เม.ย. ที่ผ่านมา อีกทั้งรัฐบาลพร้อมจะสนับสนุนให้ กกต. ดำเนินการเลือกตั้งให้ดีที่สุด สำหรับการเจรจากับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. นั้น นายนิวัฒน์ธำรงฯ ได้กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมที่จะเปิดการเจรจาหารือกับทุกฝ่าย แต่ขอให้อยู่ภายใต้กฎหมายและความเป็นประชาธิปไตย

จากนั้น ได้แถลงต่อสื่อมวลชนชาวไทยว่า การเรียกความเชื่อมั่นจากสังคมโลกที่มีต่อประเทศไทย รัฐบาลจำเป็นต้องทำความเข้าใจ และได้ยืนยันกับสื่อมวลชนทั้งชาวไทยและต่างประเทศว่า ขณะนี้รัฐบาลรักษาการตามรัฐธรรมนูญอย่างถูกต้อง และรัฐมนตรีที่เหลืออยู่จำนวน 25 คน ได้เลือกตนมาปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติบริหารราชการแผ่นดิน และเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 181  วันนี้หน้าที่ของรัฐบาลคือสนับสนุนให้มีการเลือกตั้งให้เร็วที่สุดตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ พร้อมย้ำว่าจะทำหน้าที่ไปจนกว่าจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

นายนิวัฒน์ธำรงฯ ยังได้แสดงเอกสารคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2551 และ ให้ผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่แทน มีอำนาจในการดำเนินการตามกฎหมายต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการทูลเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งมาแสดงต่อสื่อมวลชน เพื่อยืนยันข้อสงสัยของ กกต. ว่า ตนสามารถเป็นผู้ทูลเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งได้

-------------------------------------

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

รอง นรม.นิวัฒน์ธำรงฯ ยืนยันผู้ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรีและครม. สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตามกฎหมายจนกว่าครม.ที่ตั้งขึ้นใหม่เข้ารับหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ม.181

$
0
0
รอง นรม.นิวัฒน์ธำรงฯ ยืนยันผู้ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรีและครม. สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตามกฎหมายจนกว่าครม.ที่ตั้งขึ้นใหม่เข้ารับหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ม.181

รอง นรม.นิวัฒน์ธำรงฯ ยืนยันผู้ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรีและครม. สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตามกฎหมายจนกว่าครม.ที่ตั้งขึ้นใหม่เข้ารับหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ม.181พร้อมวอนทุกฝ่ายและทุกองค์กรยึดหลักปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดเพื่อให้ประเทศชาติและสังคมเกิดความสงบสุข

วันนี้ (14 พ.ค.57) เวลา 16.10 น. ณ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ได้แถลงการณ์ชี้แจงเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ผู้ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรีภายหลังที่มีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 9/2557 ให้ความเป็นรัฐมนตรีของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเป็นการเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 วรรคหนึ่ง (7) ซึ่งขณะนี้มีคณะรัฐมนตรีที่อยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ ว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวข้างต้นบัญญัติไว้ชัดแจ้งว่า "ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว" ย่อมทำให้รัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีที่เหลือ (25 คน) ที่ไม่ขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามของความเป็นรัฐมนตรีอยู่ในตำแหน่ง เพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 181 ได้ โดยเทียบเคียงกับคำวินิจฉัยที่ศาลรัฐธรรมนูญได้เคยวินิจฉัยไว้ตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 12 - 13/2551 กรณี นายสมัคร สุนทรเวช และคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่ 44/2551 กรณี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นผลให้ นายชวรัตน์ ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี รักษาการนายกรัฐมนตรี

ส่วนกรณีที่มาของรองนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี มีที่มาอย่างไร และสามารถปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่นั้น นายนิวัฒน์ธำรงฯ กล่าวว่า เมื่อยังคงมีคณะรัฐมนตรีที่อยู่ในตำแหน่งหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 9/2557 คณะรัฐมนตรีได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 มาตรา 10 ให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้มีมติให้ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญและกฎหมาย กล่าวคือ เป็นการปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 216 ที่ว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นที่เด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล และองค์กรอื่นของรัฐ ดังนั้น เมื่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้ถือว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดเฉพาะตัวของ นางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ย่อมทำให้รัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีที่เหลืออยู่ จะต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ ดังนั้น ประธานวุฒิสภา คณะรัฐมนตรี ศาล และองค์กรอื่นของรัฐจึงต้องผูกพันกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 9/2557 ด้วย

อีกทั้ง การปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีเป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ คือมีอำนาจเท่านายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน คือ การทูลเกล้าฯ ให้มีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งนั้น เป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 195 ซึ่งกฤษฎีกาได้เคยให้ความเห็นไว้แล้วว่า ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนย่อมมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ซึ่งตนแทนด้วย เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินดำเนินต่อไปโดยไม่ติดขัด และพระราชกฤษฎีกาถือเป็นกฎหมายของฝ่ายบริหารที่ต้องดำเนินการ มิใช่เป็นอำนาจหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ และกรณีการทูลเกล้าฯ เพื่อให้มีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งนั้น รองนายกรัฐมนตรีผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี (นายชวรัตน์ ชาญวีรกุล) ได้ใช้อำนาจหน้าที่ปฏิบัติโดยการทูลเกล้าฯ เสนอพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง

ส่วนเรื่องที่มาและคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีเป็นอย่างไรนั้น นายนิวัฒน์ธำรงฯ กล่าวชี้แจงว่า ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 172 การเสนอชื่อบุคคลซึ่งสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 171 ต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและต้องดำเนินการตามกระบวนการของรัฐธรรมนูญมาตรา 172 และมีกระบวนการสิ้นสุด จึงถือว่า ที่มาและคุณสมบัติตลอดจนความสิ้นสุดการเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญไว้ชัดแจ้งแล้ว การจะนำบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 7 หรือมาตราอื่นใด เพื่อให้มีนายกรัฐมนตรีนั้นก็ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะขณะนี้ยังคงมีคณะรัฐมนตรีที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 171 อยู่ ดังนั้น จึงไม่อาจดำเนินการเพื่อให้มีนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 7 หรือมาตราอื่นใดได้

อย่างไรก็ตาม คำถามที่ว่ารัฐบาลจะปฏิเสธข้อเสนอของวุฒิสภา และฝ่ายต่าง ๆ เรื่องการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนกลาง หรือที่เรียกว่า นายกรัฐมนตรีมาตรา 7 หรือไม่นั้น นายนิวัฒน์ธำรงฯ กล่าวว่า ขอให้วุฒิสภาซึ่งเป็นผู้ดำเนินการและคณะบุคคลต่าง ๆ ตลอดจนศาลและองค์กรอื่นของรัฐที่ผูกพันในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ตามคำวินิจฉัยที่ 9/2557 ได้โปรดพิจารณาบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมายให้ชัดเจนเสียก่อนว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมายหรือไม่ เพราะรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศที่มีเจตนารมณ์ที่จะรักษาไว้ซึ่งวิถีทางการปกครองแบบรัฐสภา มิฉะนั้น หากการดำเนินการติดขัดที่ไม่สามารถดำเนินการตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญและกฎหมายได้แล้ว การดำเนินการก็ไม่สามารถสำเร็จลงได้ สำหรับรัฐบาลแล้วนอกจากต้องผูกพันตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐมนตรี ต้องดำเนินการตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 178 ดังนั้น เมื่อจะส่งเรื่องให้รัฐบาลพิจารณาจะต้องมีบทบัญญัติรัฐธรรมนูญและกฎหมายสนับสนุนความชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายให้ชัดเจน รัฐบาลไม่สามารถทำผิดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญและกฎหมายได้

ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญและกฎหมายหรือกฎระเบียบของสังคมเป็นหัวใจสำคัญของการทำให้คนจำนวนมากอยู่ด้วยกันอย่างสงบเรียบร้อย มีความสุข กฎหมายหรือกฎระเบียบจะเป็นข้อกำหนดให้คนในสังคมปฏิบัติเหมือนกัน ทำให้เกิดความเป็นธรรม ความเสมอภาคเท่าเทียมกัน หากไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือกฎระเบียบแล้วก็จะทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมหรือความไม่เสมอภาคเท่าเทียมกันเกิดขึ้นในสังคมนั้น ๆ

สำหรับประเทศไทยโดยเฉพาะในช่วงวิกฤตของประเทศขณะนี้ สถาบันหลักต่าง ๆ ของประเทศ องกรค์อิสระ กลุ่มบุคคลทุกหมู่เหล่าจะต้องยึดถือและปฏิบัติตามกฎหมายหรือกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตลดความแตกต่างให้ความเป็นธรรมและสร้างความเท่าเทียมกับคนในชาติทุกกลุ่ม ซึ่งจะทำให้ประเทศชาติประสบความสงบร่มเย็นดังเดิม

 

------------------------------------

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

อภินันท์ ,พัณณ์วริณทร์ / รายงาน

วิไลวรรณ/ตรวจ


รอง นรม.นิวัฒน์ธำรงฯ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ ลงพื้นที่ จ.เชียงราย ตรวจเข้มเหตุแผ่นดินไหว พร้อมหาแนวทางในการรับมือ คาดว่าอาจเกิดอาฟเตอร์ช็อคต่อเนื่องถึงช่วงฤดูฝน

$
0
0
รอง นรม.นิวัฒน์ธำรงฯ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ ลงพื้นที่ จ.เชียงราย ตรวจเข้มเหตุแผ่นดินไหว พร้อมหาแนวทางในการรับมือ คาดว่าอาจเกิดอาฟเตอร์ช็อคต่อเนื่องถึงช่วงฤดูฝน

รอง นรม.นิวัฒน์ธำรงฯ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่จังหวัดเชียงรายติดตามตรวจเยี่ยมผู้ได้รับผลกระทบเหตุแผ่นดินไหว

วันนี้ (16 พ.ค.57) เวลา 09.40 น. ณ ห้องประชุมท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ อาทิ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายศิริพงษ์ ห่านตระกูล อธิบดีกรมการปกครอง นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายวัลลภ พริ้งพงษ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น  เดินทางถึงท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เพื่อลงพื้นที่จังหวัดเชียงรายติดตามตรวจเยี่ยมผู้ได้รับผลกระทบเหตุแผ่นดินไหว โดยมี นายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ให้การต้อนรับ ก่อนที่จะรับฟังรายงานบรรยายสรุปความเสียหายและประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง

นายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวรายงานว่า สถานการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 5 พ.ค. มีศูนย์กลางอยู่ที่ อ.พาน และกระจายความเสียหายไปอีก 6 อำเภอที่ไม่ไกลนัก เกิดความเสียหายรุนแรงบางพื้นที่ตามรอยแยกเท่านั้น และเกิดอาฟเตอร์ช็อครวมทั้งสิ้น 804 ครั้ง อย่างไรก็ตามมีการเฝ้าระวังอยู่ตลอด พบว่าอาฟเตอร์ช็อคจะเว้นระยะห่างขึ้น และความรุนแรงลดลงตามลำดับ ส่วนข้อมูลความเสียหายภาพรวมใน จ.เชียงรายกระทบ 7 อำเภอ อ.แม่ราว เสียหายเป็นอันดับ 1 จาก 12,000 ครัวเรือน เสียหาย 4,700 ครัวเรือน ส่วน อ.พาน 40,000 ครัวเรือน กระทบ 3,800 กว่าครัวเรือน ส่วนในพื้นที่ อำเภอที่เหลืออีก 5 อำเภอเสียหายไม่มาก ทั้งนี้ในส่วนบ้านที่เสียหายทั้งหลังมีจำนวน 104 หลังคาเรือน จากทั้งหมดประมาน 10,000 หลัง โดยส่วนใหญ่เป็นวัด เนื่องจากมีโครงสร้างที่ไม่แข็งแรง นอกจากนี้สะพานที่ต้องยกออก 2 แห่ง ขณะที่มิติการท่องเที่ยวยังมีผู้โดยสารจองเที่ยวบินและมีนักท่องเที่ยวตามปกติ แต่การจองโรงแรม จาก 200 มีเพียง 33 แห่งที่มีการเลื่อน คิดเป็น 20% ของสถานที่ท่องเที่ยว ถือว่ากระทบไม่มาก และเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้บาดเจ็บ 24 ราย เสียชีวิต 1 ราย

ด้านการบริหารจัดการทางจังหวัดได้ดำเนินการตามแผนที่วางไว้ทำให้ไม่โกลาหล หลังแผ่นดินไหว พบว่ามีไฟฟ้าดับที่ อ.พาน ส่วนถนนพบว่าไม่มีรถยนต์ ประสบอุบัติเหตุเพราะเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปที่เกิดเหตุได้อย่างรวดเร็ว ส่วนศูนย์พักพิงชั่งคราวได้แบ่งเป็น 2 ทีมคือ ทีมตรวจสอบความเสียหายเพื่อจ่ายเงินเยียวยา และทีมประเมินความปลอดภัยบ้านเรือนทั้งสิ้น 9,400 หลัง โดยจะมีการให้สัญลักษณ์ เขียว เหลือง แดงตามลำดับความปลอดภัย ซึ่งได้ดำเนินการตรวจสอบไปแล้ว 2,000 หลัง ทั้งนี้จะเร่งดำเนินการเพราะประชาชนยังไม่มั่นใจ และยังมีความหวาดกลัวอาฟเตอร์ช็อคอยู่ ขณะที่มีการจ่ายเงินเยียวยาไปแล้ว 4,000 ครัวเรือน โดยจะจ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน ในวงเงินมีการอนุมัติไว้แล้ว 500 ล้านบาท พร้อมเบิกจ่ายใน อ.พาน 30 ล้านบาท ซึ่งได้จ่ายไปแล้ว ส่วน อ.แม่ลาวจะจ่ายได้ไม่เกิน 3 วัน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้เยียวยาหลังคาละ 2,000 บาท กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จ่าย 2,500 บาทบางส่วน ส่วนเสียหายทั้งหลัง 33,000 บาท และได้มีการส่งชุดแพทย์ลงพื้นที่เยียวยาจิตใจประชาชน โดยทางจังหวัดได้ขอความช่วยเหลือธนาคารพาณิชย์เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน และประสานงานกับ ธ.ก.ส. ได้วางแนวทางกู้ยืมใหม่ได้โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ และมีการพิจารณาเงินในโครงการรับจำนำข้าวของประชาชนที่ประสบภัยใน อ.พานและ อ.แม่ลาว เป็นพิเศษเฉพาะ 2 อำเภอนี้ก่อน และทางจังหวัดได้ทำเรื่องของดเว้นภาษีอากร สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบและควบคุมห้ามขึ้นราคาสินค้าโดยเฉพาะสินค้าก่อสร้างในพื้นที่ด้วย

ขณะที่การบูรณะฟื้นฟูนั้นได้ระดมเครื่องจักรท้องถิ่นและส่วนราชการเข้าช่วยเหลือ ส่วนจังหวัดจะทำความเข้าใจประชาชนผ่านทางสถานีวิทยุทุกระยะ ตั้งทีมแถลงข่าวให้ข้อมูลและตั้งกองทุนสงเคราะห์ผู้ประสบภัย ซึ่งขณะนี้รวบรวมได้ 400,000 บาท และเครื่องมือต่าง ๆ รวมทั้งภาคเอกชนหลายภาคส่วนที่เข้ามาช่วยเหลือ

อย่างไรก็ตาม ผลแทรกซ้อนจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวจะมีเรื่องทรายผุด น้ำโผล่ และรอยแยกของแผ่นดิน ซึ่งคณะทำงานของ นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้ดำเนินการศึกษาข้อมูลเพื่อดูแลพื้นที่เชิงธรณีวิทยาต่อไปแล้ว สิ่งที่กังวลคือ ต้องเตือนภัยในฤดูฝน เช่น ดินสไลด์ ดินถล่ม ทั้งนี้ระยะยาวได้ประสานงานกับสถานศึกษาบรรจุหลักสูตรเรื่องแผ่นดินไหว เพราะจากครั้งนี้มีคนวิ่งหนีตกใจ อลหม่าน จึงต้องบรรจุหลักสูตรครั้งนี้ด้วยและเรื่องสำคัญคือขวัญกำลังใจพี่น้องประชาชน กรณีเสียหายทั้งหลัง ได้ขอเป็นกรณีพิเศษ เรื่องเขื่อนแม่สรวยแตกทำให้หลายคนตกใจ โดยได้มีการแถลงข่าวขอโทษพี่น้องประชาชน ส่วนเรื่องโรงเรียนหรือสถานศึกษาที่ช่วยเหลือตัวเองได้ในระดับหนึ่งคือ อ.พาน และ อ.แม่ลาว และโรงพยาบาลด้านโครงสร้างก็ไม่มีความเสียหาย

ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานว่า จากข้อมูลกรมทรัพยากรธรณีวิทยา สถาบันศึกษาและกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรายงานว่า รอยเลื่อนในประเทศไทยมีทั้งหมด 14 รอยเลื่อน ซึ่ง 11 รอยเลื่อนอยู่ในภาคเหนือ รอยเลื่อนที่เกิดขึ้นใน จ.เชียงรายนั้น คือรอยเลื่อนพะเยา ซึ่งรอยเลื่อนดังกล่าวเป็นรอยเลื่อนขนาดเล็ก แต่ก็เชื่อว่าจากเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าวจะต่อเนื่องไปถึงฤดูฝนที่อาจจะเกิดดินสไลด์สูง จึงได้มีการสั่งการไปยัง 6 จังหวัดเตรียมแผนและข้อมูลต่าง ๆ เพื่อแจ้งเตือนไปยังท้องถิ่นให้รองรับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น เนื่องจากประเทศไทยประสบปัญหาดินถล่มทุกปี

นายชัชชาติฯ กล่าวว่า เป็นโอกาสที่จะนำเหตุการณ์นี้มาเป็นบทเรียนมาศึกษาว่ามีข้อบกพร่องอย่างไร เพื่อปรับปรุงแก้ไข อย่างเช่น ในส่วนของกระทรวงคมนาคมสั่งการเรื่องถนน สะพานให้รองรับการเกิดแผ่นดินไหวและภัยพิบัติและข้อบกพร่องต่าง ๆ และสั่งการให้ดูแลจุดเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าเผชิญเหตุหรือควบคุมสถานการณ์ความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นได้ทันท่วงที

นายนิวัฒน์ธำรงฯ กล่าวว่า ถึงแม้แผ่นดินไหวจะเป็นเรื่องไกลตัว แต่ก็ต้องมีการทบทวนและเตรียมการเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้รัฐบาลมีความห่วงใย รวมทั้งนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ได้สั่งการมาตลอด และต้องขอบคุณกระทรวงต่าง ๆ รวมถึงจังหวัดและคณะที่ดำเนินการเป็นอย่างดี อีกทั้งขอให้จังหวัดเป็นศูนย์รวมในการดูแลบริหารจัดการและเป็นต้นแบบนำไปปฏิบัติใช้กับจังหวัดอื่น ๆ ที่ใกล้เคียงอีกด้วย

 

--------------------------------------------

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

รอง นรม.นิวัฒน์ธำรงฯ ย้ำเรื่องที่ต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ต้องมีกฎหมายรองรับ

$
0
0
รอง นรม.นิวัฒน์ธำรงฯ ย้ำเรื่องที่ต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ต้องมีกฎหมายรองรับ

รอง นรม.นิวัฒน์ธำรงฯ ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกระแสข่าวการส่งรายชื่อประธานและรองประธานวุฒิสภา ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี พร้อมเผยเรื่องการประกาศใช้กฎอัยการศึก

วันนี้ (16 พ.ค.57) เวลา 11.45 น. ณ ถนนสายเชียงใหม่ - เชียงราย บริเวณบ้านห้วยส้านยาว นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการเดินสายพูดคุยกับฝ่ายต่าง ๆ ของวุฒิสภาและมีเสียงตอบรับเรื่องรัฐบาลเฉพาะกิจว่า การดำเนินการทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย โดยเฉพาะเรื่องที่ต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ จะต้องมีกฎหมายรองรับ ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ และขณะนี้ยังไม่เห็นข้อเสนอใด ๆ ส่วนกระแสข่าวการนัดหารือระหว่างรัฐบาลกับวุฒิสภาในวันเสาร์นี้ ยืนยันว่าไม่เคยตอบรับ และช่วงวันหยุดเสาร์ - อาทิตย์ ตนมีภารกิจปฏิบัติราชการจังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดลำพูน

สำหรับกระแสข่าวว่ามีการส่งรายชื่อประธาน และรองประธานวุฒิสภา เพื่อให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าฯ นั้น ตนยังไม่เห็นเรื่องดังกล่าว แต่มองว่า ในเรื่องนี้มีการฟ้องร้องต่อองค์กรต่าง ๆ  เนื่องจากไม่มีวาระการแต่งตั้งตำแหน่งดังกล่าวในการขอเปิดประชุมสมัยวิสามัญของวุฒิสภา จึงถือเป็นประเด็นข้อกฎหมาย และจะต้องนำส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา ส่วนคำถามที่ว่า เป็นห่วงสถานการณ์ในช่วงเสาร์ - อาทิตย์นี้หรือไม่ หากไม่มีความชัดเจนในเรื่องของการตั้งรัฐบาล เพราะทาง กปปส.ประกาศให้การดำเนินการเสร็จสิ้นภายในวันเสาร์นี้ นายนิวัฒน์ธำรงฯ มองว่าการดำเนินการใด ๆ จะต้องยึดกฎหมายและมีกฏหมายรองรับ โดยจะต้องดูในข้อเสนอของฝ่ายต่าง ๆ อีกครั้ง

นายนิวัฒน์ธำรงฯ กล่าวต่อไปถึงกรณีที่บางฝ่ายคาดการณ์ว่า จะมีการประกาศใช้กฎอัยการศึกหลังมีคำแถลงจาก ผบ.ทบ. ว่าเป็นการพูดกันไปเอง โดยหยิบเอาเฉพาะบางช่วงมาเท่านั้น ขณะที่เนื้อหาในการแถลงของ ผบ.ทบ. มีรายละเอียดอยู่มากมาย พร้อมมองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่การขู่จากฝ่ายทหาร แต่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ

--------------------------------

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

รัฐบาลพร้อมร่วมมือกับทุกฝ่ายแก้ปัญหาภายใต้รัฐธรรมนูญและกฏหมาย

$
0
0

นายนิวัฒน์ธำรง  บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงผลการหารือกับนายพีระศักดิ์ พอจิต ว่าที่รองประธานวุฒิสภา และนายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ สมาชิกวุฒิสภา และนายชัยเกษม นิติศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเข้าร่วมด้วย เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ของประเทศ สรุปดังนี้

วันนี้ (19 พฤษภาคม 2557 ) นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงผลการหารือกับนายพีระศักดิ์ พอจิต ว่าที่ รองประธานวุฒิสภา และนายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ สมาชิกวุฒิสภา เดินทางมาร่วมหารือแทน นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย โดยแจ้งว่า นายสุรชัย ป่วยเข้าโรงพยาบาล และมีนายชัยเกษม นิติศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเข้าร่วมด้วย เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ของประเทศ สรุปดังนี้

นายนิวัฒน์ธำรง ได้ชี้แจงข้อกฎหมายเกี่ยวกับสถานะของคณะรัฐมนตรี และผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีว่า คณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันเป็นคณะรัฐมนตรีที่ถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๘๑ และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 9/2557 เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2557 ที่ให้รัฐมนตรีที่ไม่มีคุณสมบัติต้องห้าม ต้องอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ ซึ่งคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันให้ทุกองค์กรไม่ว่าจะเป็น คณะรัฐมนตรี วุฒิสภา ศาล องค์กรตามรัฐธรรมนูญ เป็นต้น จะต้องปฏิบัติตาม (รัฐธรรมนูญมาตรา 216) ส่วนนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล สามารถปฏิบัติหน้าที่และมีอำนาจเท่ากับตำแหน่งที่ทำหน้าที่ (นายกรัฐมนตรี) ได้ถูกต้อง ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 มาตรา 10 และมาตรา 48

​ดังนั้น ขณะนี้จึงมีคณะรัฐมนตรี และผู้ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี มีอำนาจหน้าที่ที่ปฏิบัติราชการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 181 และกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้องอย่างสมบูรณ์

​สำหรับประเด็นที่มีการขอให้คณะรัฐมนตรีลาออกนั้น ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะจะเป็นการละเว้นการปฏิบัติน้าที่ เพราะขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 181 และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 7 ฤษภาคม 2557 ที่กำหนดให้คณะรัฐมนตรีที่เหลืออยู่ต้องอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไป​สำหรับประเด็นที่ว่า กลุ่มบุคคลต่างๆต้องการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนกลาง และให้มีอำนาจในการบริหารราชการได้อย่างเต็มที่ (ไม่ถูกจำกัดด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 181) รัฐบาลได้ชี้แจงว่า ไม่สามามรถกระทำได้ เพราะขณะนี้ประเทศไทยมีคณะรัฐมนตรีและผู้ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว จะแต่งตั้งซ้อนไม่ได้ อีกทั้งการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีที่มีอำนาจเต็มนั้น ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 171 และ 172 ประกอบกับอยู่ในระหว่าง พ.ร.ฎ.ยุบสภา พ.ศ.2556 ยังบังคับใช้อยู่ ซึ่งข้อเสนอแนะเรื่องการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีที่อ้างว่า มีอำนาจเต็มนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะยังต้องถูกจำกัดอำนาจในการบริหารตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 181 จึงเป็นกรณีที่ไม่แตกต่างจากคณะรัฐฒนตรีที่ปฏิบัติหน้าที่ในปัจจุบัน สรุปความว่า นายกรัฐมนตรีต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร จากการศึกษาข้อกฎหมายพบว่า ไม่มีรัฐธรรมนูญมาตราอื่นใด ระบุเรื่องการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีอีก

​ที่ประชุมเห็นพ้องด้วยกันว่า ทุกฝ่ายควรหาทางแก้ปัญหาวิกฤติการเมืองโดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับประเทศชาติ และประชาชนมากกว่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และอื่นๆ ทางรัฐบาลยินดีปรึกษาหารือกับวุฒิสภาและฝ่ายต่างๆตลอดเวลาเพื่อหาทางออกที่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย โดยเร็วที่สุดต่อไป

รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีกล่าวขอให้ใช้กฎอัยการศึกเพื่อสันติและไม่เลือกปฏิบัติ

$
0
0

นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีกองทัพบก ประกาศใช้พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก

วันนี้ (20 พฤษภาคม 2557) นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีกองทัพบก ประกาศใช้พระราชบัญญัติกฎอัยการศึกว่า ตามที่มีประกาศกองทัพบก เรื่องการประกาศใช้พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย และนำความสงบสุขกลับคืนสู่ประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่ายโดยเร็วนั้น รัฐบาลก็มีความมุ่งหวังที่จะเห็นความสงบเกิดขึ้นเช่นเดียวกัน โดยการดำเนินการจำเป็นต้องเป็นไปตามแนวทางสันติ ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่เลือกปฏิบัติ และให้มีความเสมอภาคอย่างเท่าเทียมกัน ภายใต้หลักนิติรัฐ นิติธรรม ซึ่งเป็นไปตามนโยบายที่รัฐบาลได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง การดำเนินการของกองทัพบกดังกล่าว จะต้องอยู่ภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

Viewing all 1192 articles
Browse latest View live




Latest Images