นายกรัฐมนตรีประชุมติดตามผลการพัฒนาและเพิ่มผลผลิตคุณภาพข้าวนาสวน และข้าวนาไร่ให้สอดคล้องกับลักษณะความเหมาะสมของดินและความต้องการของตลาดตามแนวคิดเกษตรโซนนิ่ง
วันนี้ (3เม.ย.57) เวลา 15.30 น. ณ ห้องประชุมศูนย์พันธุ์พืชเพาะเลี้ยงสุพรรณบุรี อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เป็นประธานในการประชุมติดตามผลการพัฒนาและเพิ่มผลผลิตคุณภาพข้าวนาสวน และข้าวนาไร่ ให้สอดคล้องกับลักษณะความเหมาะสมของดินและความต้องการของตลาดตามแนวคิดเกษตรโซนนิ่ง โดยมี นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ว่าที่ร้อยตรี สุพีร์พัฒน์ จองพานิช ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมด้วย
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวชื่นชมจังหวัดสุพรรณบุรีที่ได้มีการบริหารจัดการ ปรับปรุงพัฒนาและดูแลสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ให้มีความสะอาดสวยงามอยู่เสมอ รวมทั้งสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งได้มีการพัฒนาพันธุ์สัตว์น้ำจนเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดอีกแห่งหนึ่ง และฝากให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรีได้มีการพัฒนาและทำให้เป็น Cluster ก็จะช่วยส่งเสริมในส่วนนี้เพิ่มขึ้น สำหรับวันนี้ที่ได้เดินทางมาประชุมที่จังหวัดสุพรรณบุรีก็เพื่อที่จะได้มาติดตามในเรื่องของโซนนิ่ง การพัฒนาพันธุ์ข้าว รวมถึงเรื่องการบริหารจัดการน้ำเพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชน โดยเฉพาะเรื่องของโซนนิ่งนั้นจะสามารถช่วยแก้ปัญหาในเรื่องการเพาะปลูกให้เหมาะสมกับพื้นที่ทั้งสภาพของดินและน้ำ ขณะเดียวกันฝากดูแลการบริหารจัดการน้ำให้สัมพันธ์กับฤดูกาลปลูกข้าว และขอให้มีการศึกษาพัฒนาวิจัยพันธุ์ข้าวให้เพียงพอกับความต้องการของเกษตรกรเพื่อให้ได้ข้าวที่มีคุณภาพและมีราคาเพิ่มขึ้น รวมทั้งสอดคล้องกับความต้องการของตลาด อีกทั้งได้ขอให้ดูแลในเรื่องของปัญหาน้ำเค็มที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูแล้ง เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อน้ำอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้รับฟังรายงานสรุปผลการพัฒนาและเพิ่มผลผลิตคุณภาพข้าวนาสวน และข้าวนาไร่ตามแนวคิดเกษตรโซนนิ่ง จากนายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอธิบดีกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งมีแนวทางการพัฒนาข้าวตามนิเวศน์การปลูกภายใต้นโยบายโซนนิ่ง โดยการแบ่งกลุ่มพันธุ์ข้าวตามนิเวศน์การปลูก ประกอบด้วย 1) กลุ่มพันธุ์ข้าวขึ้นน้ำ คือ ข้าวที่ปลูกในพื้นที่มีน้ำลึก 1-5 เมตร เช่น จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดปราจีนบุรี 2) กลุ่มพันธุ์ข้าวน้ำลึก คือ ข้าวที่ปลูกในพื้นที่มีน้ำลึก 50-100 เซนติเมตร เช่น จังหวัดลพบุรี สิงห์บุรี นครนายก พระนครศรีอยุธยา และปราจีนบุรี 3) กลุ่มพันธุ์ข้าวนาสวน คือ ข้าวที่ปลูกในพื้นที่มีน้ำลึก ไม่เกิน 50 เมตร เช่น ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ ข้าวนาสวนน้ำฝน (พันธุ์ กข6 และขาวดอกมะลิ ) และข้าวนาสวนชลประทาน (พันธุ์ปทุมธานี 1 ชัยนาท1 กข41 กข43 กข47 และกข49) 4) กลุ่มพันธุ์ข้าวไร่ คือ ข้าวที่ปลูกในที่ดอน ไม่มีน้ำขัง เช่น จังหวัดลำปาง แพร่ และน่าน และ5) กลุ่มพันธุ์ข้าวนาที่สูง คือ ข้าวที่ปลูกในพื้นที่น้ำขังบนที่สูง ตั้งแต่ 700 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลขึ้นไป เช่น จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย เป็นต้น
สำหรับแนวทางการพัฒนา การผลิตข้าวตามนิเวศน์การปลูกต่าง ๆ ดังกล่าว มีแนวทางการดำเนินการทั้งการเพิ่มผลผลิต เช่น ใช้พันธุ์ข้าวที่เหมาะสมกับพื้นที่ ปรับเปลี่ยนวิธีการปลูกจากหว่านเป็น Intensive Farming ปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดิน ขยายและปรับปรุงระบบชลประทาน ใส่ปุ๋ยทั้งชนิดอัตราและระยะที่เหมาะสม มีการป้องกันกำจัดโรค แมลง วัชพืช และข้าววัชพืชอย่างถูกวิธี วิจัยปรับปรุงพันธุ์ที่เหมาะสม ฯลฯ การลดต้นทุนการผลิต เช่น ให้เมล็ดพันธุ์คุณภาพดี ลดอัตราการใช้เมล็ดพันธุ์ เน้นการใช้ปุ๋ยอินทรีย์แทนปุ๋ยเคมี เก็บเกี่ยวข้าวระยะที่เหมาะสม ควบคุมวัชพืช ลดการสูญเสียในช่วงเก็บเกี่ยว ฯลฯ การยกระดับคุณภาพข้าว เช่น ข้าวอินทรีย์ ตลอดจนเพิ่มมูลค่า เช่น ส่งเสริมการตลาดสินค้าข้าวหอมมะลิคุณภาพระดับ Premium ส่งเสริมใช้พันธุ์ข้าวที่เหมาะสมนำไปทำข้าวนึ่ง เน้นการปลูกข้าวโดยใช้พันธุ์ข้าวตามที่ตลาดต้องการ ส่งเสริมอุตสาหกรรมแปรรูปข้าวเป็นผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ (ผลิตภัณฑ์เส้นขนมจีน เส้นหมี่) ฯลฯ
รวมทั้งรับฟังรายงานภาพรวมปัญหาและอุปสรรค พร้อมแนวทางในการพัฒนาจังหวัด จากผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี และรายงานสถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มภาคกลาง จากกรมชลประทาน ซึ่งกรมชลประทานได้แสดงความเชื่อมั่นว่ายังสามารถบริหารจัดการน้ำอุปโภคบริโภคให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ได้ รวมถึงการดูแลเรื่องความเค็มของน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชน
ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมผลการดำเนินงานของศูนย์พันธุ์พืชเพาะเลี้ยงสุพรรณบุรี ที่สำคัญ อาทิ การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื้อพืชเศรษฐกิจ และผลิตภัณฑ์ OTOP ของชุมชน เป็นต้น
------------------------------
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก